ข่าวสาร – www.csdlabservices.com https://www.csdlabservices.com ห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ค่าทางน้ำตาลและสารอนุพันธ์(SDAL) Thu, 02 Oct 2025 10:23:36 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.2 https://www.csdlabservices.com/wp-content/uploads/2023/04/cropped-323342160_5859704744115567_3990228457261389902_n-32x32.jpg ข่าวสาร – www.csdlabservices.com https://www.csdlabservices.com 32 32 การวิเคราะห์การสูญเสียน้ำตาล ประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาล และผลกระทบจากอ้อยสดและอ้อยไฟไหม้ในกระบวนการผลิตน้ำตาลทราย https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b9%8c%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%aa%e0%b8%b9%e0%b8%8d%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b8%a2/ https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b9%8c%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%aa%e0%b8%b9%e0%b8%8d%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b8%a2/#respond Thu, 02 Oct 2025 10:19:42 +0000 https://www.csdlabservices.com/?p=3342

โครงการ การวิเคราะห์การสูญเสียน้ำตาล ประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาล

และผลกระทบจากอ้อยสดและอ้อยไฟไหม้ในกระบวนการผลิตน้ำตาลทราย

.
คุณภาพของอ้อยที่เข้าสู่โรงงานน้ำตาล เป็นตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อ
📉 การสูญเสียน้ำตาล
⚙ ประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาล
โดยการเปรียบเทียบ อ้อยสด 🌱 และ อ้อยไฟไหม้ 🔥 ที่แตกต่างกัน
ทั้งอัตราส่วน ขนาดของท่อนอ้อย และผลผลิตได้ของน้ำตาลที่ผลิตได้
.
🔎 เป้าหมายของโครงการ
🎯 วิเคราะห์การสูญเสียน้ำตาลจากอ้อยสดและอ้อยไฟไหม้
🎯 เก็บข้อมูลคุณภาพอ้อยเพื่อใช้ในการคัดเลือกและควบคุม
🎯 สร้างองค์ความรู้เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาลทราย
.
📊 ผลการศึกษา
• อ้อยไฟไหม้ 🔥 → สิ่งปนเปื้อนสูง สูญเสียน้ำตาลมาก
• อ้อยสด 🌱 → คุณภาพดีกว่า สูญเสียน้อยกว่า ผลได้น้ำตาลต่อตันอ้อยสูง
.
✨ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
✅ ลดการสูญเสียน้ำตาล
✅ เพิ่มคุณภาพและปริมาณผลได้น้ำตาล
✅ สนับสนุนการควบคุมคุณอ้อยอย่างที่เข้าสู่โรงงานให้มีประสิทธิภาพ
.
📌 งานวิจัยนี้คือก้าวสำคัญที่จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมน้ำตาลไทยให้แข็งแรงและยั่งยืน 🌱🍬💪
.
📌 คณะที่ปรึกษาโครงการ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (รศ.ดร.บุญทิวา นิลจันทร์ และ รศ.ดร.บุญทิวา นิลจันทร์)
📌 หน่วยงานผู้รับผิดชอบ: ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายภาคที่ 3
]]>
https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b9%8c%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%aa%e0%b8%b9%e0%b8%8d%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b8%a2/feed/ 0
การศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพและการจำแนกชนิดของจุลินทรีย์ที่ผลิตสารเมือกในไร่อ้อย เพื่อลดการสูญเสียน้ำตาลในอ้อยและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาล https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%a8%e0%b8%b6%e0%b8%81%e0%b8%a9%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%97%e0%b8%b2/ https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%a8%e0%b8%b6%e0%b8%81%e0%b8%a9%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%97%e0%b8%b2/#respond Tue, 16 Sep 2025 07:35:41 +0000 https://www.csdlabservices.com/?p=3310 โครงการพัฒนาสารชีวภัณฑ์ยับยั้งจุลินทรีย์ที่ผลิตสารเมือกในอ้อยหลังการเก็บเกี่ยว

เพื่อลดการสูญเสียน้ำตาลในอ้อยและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาล

การสูญเสียน้ำตาลหลังการเก็บเกี่ยวเป็นปัญหาสำคัญของอุตสาหกรรมน้ำตาล สาเหตุหลักมาจาก จุลินทรีย์ที่ผลิตสารเมือก (Slime-forming bacteria) เช่น Pantoea, Rahnella, Bacillus, Leuconostoc และ Pseudomonas ที่สามารถสร้างสารเมือกที่เป็นปัญหาหลักของการสูญเสียน้ำตาลและประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาลที่ลดลง

โครงการวิจัยนี้มุ่งศึกษาความหลากหลายของจุลินทรีย์ที่ผลิตสารเมือก จำแนกชนิดจุลินทรีย์และสารเมแทบอไลต์จากดินท่อนอ้อยหลังการเก็บเกี่ยว และพัฒนาสารชีวภัณฑ์เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โดยมีความก้าวหน้า ดังนี้:

กิจกรรมที่ 1: คัดแยกและศึกษาความหลากหลายของจุลินทรีย์ที่ผลิตสารเมือก จากระบบนิเวศน์ในไร่อ้อย ซึ่งพบเชื้อหลายชนิดที่มีการสร้าง สารเมือกนอกเซลล์ (Extracellular polysaccharides: EPS) และสร้างเดกแทรนซ์ที่ก่อปัญหาในกระบวนการผลิตน้ำตาล

กิจกรรมที่ 2: จำแนกชนิดจุลินทรีย์และสารเมแทบอไลต์จากดินท่อนอ้อยหลังการเก็บเกี่ยว ด้วยเทคนิค เมแทจีโนมิกส์และเมแทบอโลมิกส์ ซึ่งได้ข้อมูลเชิงลึกระดับยีนที่ช่วยระบุว่าเชื้อเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดสารเมือก และสร้างปัญหาในการกระบวนการผลิตน้ำตาล

กิจกรรมที่ 3: การศึกษาการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ที่ผลิตสารเมือกที่เป็นสาเหตุหลักในการสูญเสียน้ำตาลด้วยวิธีการทางชีวภาพ (biocontrol) และพัฒนาสูตรชีวภัณฑ์และทดสอบในห้องปฏิบัติการ ได้ผลสำเร็จเบื้องต้น สามารถยับยั้งจุลินทรีย์ที่ผลิตสารเมือกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผลการวิจัยทุกกิจกรรม แสดงถึงความหลากหลายของจุลินทรีย์ในระบบนิเวศน์ การระบุชนิดจุลินทรีย์และกิจกรรมทางชีวภาพต่างๆ และประสิทธิภาพและพัฒนาสารชีวภัณฑ์ยับยั้งจุลินทรีย์ที่ผลิตสารเมือก เพื่อลดปัญหาการเสื่อมสภาพของอ้อย ลดการสูญเสียน้ำตาลในอ้อยและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาล

หน่วยงานผู้รับผิดชอบ: ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายภาคที่ 2 สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย

คณะที่ปรึกษา: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (รศ.ดร.บุญทิวา นิลจันทร์ และคณะ)

]]>
https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%a8%e0%b8%b6%e0%b8%81%e0%b8%a9%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%97%e0%b8%b2/feed/ 0
โรงงานน้ำตาลรับอ้อยเผาต่ำสุดในประวัติศาสตร์ ลดใกล้แตะ 10% ลดฝุ่น PM2.5 https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%ad%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%9c%e0%b8%b2/ https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%ad%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%9c%e0%b8%b2/#respond Sat, 01 Feb 2025 02:00:48 +0000 https://www.csdlabservices.com/?p=3291
ที่มา: www.ocsb.go.th

กระทรวงอุตสาหกรรมเผย โรงงานน้ำตาลรับอ้อยเผาต่ำสุดในประวัติศาสตร์ลดใกล้แตะ 10% หลังอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างปัญหาฝุ่น PM2.5 ชี้ทำให้ภาคอีสานและภาคกลางมีคุณภาพที่ดีขึ้น

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่กระทรวงอุตสาหกรรมขอความร่วมมือโรงงานน้ำตาลทั่วประเทศ ให้รับเฉพาะอ้อยสดเข้าหีบ โดยชะลอ ระงับ ยับยั้ง และยุติการเผาไร่อ้อยรวมถึงยุติการรับอ้อยเผาเข้าหีบ ตามแนวทางมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ฝุ่นละออง PM 2.5) ของนายกรัฐมนตรีและมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568 ให้ผู้ประกอบการอ้อยและน้ำตาลทรายงดการรับซื้ออ้อยเผาโดยเด็ดขาด

ส่งผลให้สถิติการผลิตอ้อยและน้ำตาลทรายฤดูการผลิต 2567/2568 ของโรงงานน้ำตาล 58 แห่งทั่วประเทศวันที่ 26 มกราคม 2568 พบว่า ชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลทั่วประเทศให้ความร่วมมือตัดและรับอ้อยเผาเข้าหีบต่ำสุดในประวัติศาสตร์ ลดลงใกล้แตะ 10%

ดันอ้อยสดพุ่ง 90% ของปริมาณการรับอ้อยเข้าหีบทั้งหมด ส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนไล่เรียงลงมาถึงภาคกลางมีค่าคุณภาพอากาศที่ดีขึ้น ฝุ่นพิษ PM2.5 ลดลง ทำให้ประชาชนมีความมั่นใจในการออกมาทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจนอกบ้านเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ หากชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลทั่วประเทศทั้ง 58 โรงงานให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการรักษามาตรฐานลดการตัดและรับอ้อยเผาลงอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายจะเป็นเป็นส่วนหนึ่งในการไม่ซ้ำเติมให้ค่าดัชนีคุณภาพอากาศสูงขึ้น และมีส่วนช่วยให้ประชาชนได้รับอากาศบริสุทธิ์ ใช้ชีวิตประจำวันและทำกิจกรรมกลางแจ้งตามปกติ

“ผู้บริหารโรงงานน้ำตาลและเกษตรกรชาวไร่อ้อยกว่า 90% ที่ให้ความร่วมมือไม่รับซื้ออ้อยเผาและไม่เผาอ้อยตั้งแต่ช่วงปีใหม่เป็นต้นมา สะท้อนจากสถิติอ้อยเผาที่ลดลง และยังคงมีแนวโน้มลดลงเหลือตัวเลขหลักเดียว ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้คนไทยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี“

 

ที่มา: www.ocsb.go.th

]]>
https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%ad%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%9c%e0%b8%b2/feed/ 0
อุตสาหกรรมน้ำตาลปี 68 แนวโน้มขยายตัวดี ผลผลิตพุ่ง 20% ดันโรงงานกำไรเพิ่ม https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%95%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%9b%e0%b8%b5-68-%e0%b9%81%e0%b8%99%e0%b8%a7/ https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%95%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%9b%e0%b8%b5-68-%e0%b9%81%e0%b8%99%e0%b8%a7/#respond Wed, 01 Jan 2025 02:00:59 +0000 https://www.csdlabservices.com/?p=3278
ที่มา: btimes.biz

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) คาดว่ารายได้ของอุตสาหกรรมน้ำตาลในปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวดี โดยมีปัจจัยหนุนจากปริมาณผลผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ซึ่งช่วยหักล้างผลของราคาที่มีแนวโน้มลดลง ปริมาณผลผลิตน้ำตาลไทยในปีการผลิต 67/68 มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น 20.5% จากปีการผลิต 66/67 มาอยู่ที่ 10.6 ล้านตัน ตามปริมาณอ้อยเข้าหีบ ที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 96.7 ล้านตัน ซึ่งเป็นผลจากผลผลิตต่อไร่ และพื้นที่เพาะปลูกที่มีแนวโน้มฟื้นตัว จากปัญหาภัยแล้งที่คลี่คลาย

ในขณะที่ราคาส่งออกน้ำตาลโดยเฉลี่ยในปี 2568 จะปรับตัวลดลง 2.8%YOY มาอยู่ที่ 561.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน สอดคล้องกับราคาน้ำตาลทรายดิบรวมพรีเมียม ที่บริษัทอ้อยและน้ำตาลไทยทำได้ (ใช้อ้างอิงราคาส่งออกของโรงงานน้ำตาลอื่น ๆ) ที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง 3.1% จากฤดูกาลการผลิตที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 23.0 เซนต์ต่อปอนด์ เนื่องจากแม้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 ของปี 2567 เป็นต้นไป ราคาน้ำตาลโลกจะมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงกลางปี 67 จากภาวะขาดดุลของน้ำตาลในตลาดโลก แต่ระดับราคาจะยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าราคาน้ำตาลโลกในช่วงปลายปี 2566 และต้นปี 2567 ซึ่งเป็นช่วงเวลาการทำราคาน้ำตาลของฤดูกาลการผลิต 66/67

สำหรับมูลค่าการส่งออกน้ำตาลปี 2568 คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 28.7%YOY มาอยู่ที่ 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปริมาณการส่งออกที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น 32.4%YOY มาอยู่ที่ 6.5 ล้านตัน ในขณะที่มูลค่าตลาดน้ำตาลในประเทศ จะอยู่ที่ 5.6 หมื่นล้านบาท ขยายตัว 1.0%YOY จากปริมาณการบริโภคในประเทศที่มีแนวโน้มขยายตัวตามการเติบโตของเศรษฐกิจไทย

* “ศก.โลก-สภาพอากาศรวน” ความเสี่ยงของอุตสาหกรรมน้ำตาลปีนี้

SCB EIC มองว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมน้ำตาลในปี 2568 ยังต้องเผชิญความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลก และสภาพภูมิอากาศสุดขั้ว โดยภาวะเศรษฐกิจโลก จะส่งผลกระทบต่อความต้องการบริโภคน้ำตาลโลก ซึ่งหากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่ชะลอลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ก็จะส่งผลให้ความต้องการบริโภคน้ำตาลโลกเติบโตต่ำกว่าที่คาด ซึ่งจะส่งผลให้ราคาส่งออกน้ำตาล ลดลงมากกว่าที่คาด

ในขณะที่ความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ และปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ จะส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตอ้อย ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยหากบราซิล ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำตาลมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก เผชิญปัญหาภัยแล้งรุนแรงน้อยกว่าที่คาด ก็จะทำให้ราคาส่งออกน้ำตาลปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาด ในขณะเดียวกัน หากไทยเผชิญกับความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศในช่วงเปิดหีบ (ธ.ค.67 – เม.ย.68) ก็อาจจะทำให้ผลผลิตน้ำตาลปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด

ในระยะต่อไป อุตสาหกรรมน้ำตาลยังต้องเผชิญกับความท้าทายจากนโยบาย และมาตรการเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ กระแสความยั่งยืน และเทรนด์รักสุขภาพของผู้บริโภค โดยมาตรการต่าง ๆ เช่น มาตรการการค้าระหว่างประเทศ การเก็บภาษีคาร์บอน จะทำให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจน้ำตาลปรับตัวเพิ่มขึ้น

ในขณะที่เมกะเทรนด์ความยั่งยืน (Sustainability) จะทำให้ผู้บริโภคหรืออุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ใช้น้ำตาลเป็นวัตถุดิบ มีแนวโน้มที่จะหันมาให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลมากขึ้นในอนาคต ส่วนกระแสรักสุขภาพ จะส่งผลให้ผู้บริโภคที่ใส่ใจการรักษาสุขภาพ หันมาบริโภคสินค้าที่ปราศจากน้ำตาลมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการบริโภคน้ำตาลปรับตัวลดลง

* สมรภูมิการแข่งขันของธุรกิจน้ำตาลทราย

SCB EIC อุตสาหกรรมน้ำตาลไทย มีอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดในระดับสูง ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดกระจุกตัวอยู่กับผู้ประกอบการเพียงไม่กี่ราย อุตสาหกรรมน้ำตาล ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดจากภาครัฐ โดยผู้ที่จะสามารถดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายได้ จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขต่าง ๆ ที่กำหนดขึ้นโดยภาครัฐ เช่น จุดที่ตั้งโรงงานต้องห่างจากโรงงานน้ำตาลที่ได้รับใบอนุญาตไว้แล้วไม่น้อยกว่า 50 กิโลเมตร หรือต้องเตรียมปริมาณอ้อยเข้าสู่โรงงานไม่น้อยกว่า 50% ของกำลังการผลิต ส่งผลให้การเข้ามาแข่งขันของผู้ประกอบการรายใหม่เป็นไปได้ยาก

นอกจากนี้ การเข้ามาประกอบธุรกิจน้ำตาลในไทยของบุคคลต่างด้าว ก็จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และการนำเข้าน้ำตาลจะต้องได้รับการอนุมัติจากภาครัฐ ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยไม่ต้องเผชิญการแข่งขัน ทั้งจากผู้เล่นต่างชาติ และผู้เล่นรายใหม่ โดยในปีการผลิต 2566/2567 มีโรงงานน้ำตาลเปิดหีบผลิตน้ำตาลจำนวน 57 โรงงาน (ปีการผลิต 67/68 จะมีโรงงานเปิดเพิ่มอีก 1 โรงงาน) โดยกว่า 75% ของโรงงานทั้งหมดหรือ 43 โรงงาน อยู่ภายใต้การดำเนินงานของ 13 กลุ่มบริษัท ในขณะที่อีก 14 โรงงานเป็นโรงงานอิสระ

ซึ่งในปีการผลิต 66/67 กลุ่มผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ 5 อันดับแรก ครองส่วนแบ่งตลาดปริมาณการผลิตน้ำตาลรวมกันสูงถึงราว 54% โดยกลุ่มมิตรผล มีส่วนแบ่งตลาดมากเป็นอันดับ 1 (23.9%) ตามมาด้วยกลุ่มไทยรุ่งเรือง (9.1%) โคราช (8.9%) ท่ามะกา หรือ KSL (6.4%) และไทยเอกลักษณ์หรือ KTIS (5.8%) ในขณะที่น้ำตาลครบุรี (KBS) และน้ำตาลบุรีรัมย์ (BRR) มีส่วนแบ่งตลาด 4.6% และ 3.1% ตามลำดับ

โรงงานน้ำตาล จะเน้นการแข่งขันในด้านการจัดหาวัตถุดิบอ้อยเป็นหลัก โดยปริมาณอ้อยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้การแข่งขันลดลง ผลผลิตน้ำตาล และผลพลอยได้สูงขึ้น ส่งผลดีต่อกำไรของผู้ประกอบการในปี 2568 ในปัจจุบันอุตสาหกรรมน้ำตาลมีกำลังการผลิตมากกว่าปริมาณอ้อยในประเทศ ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องแข่งขันกันจัดหาอ้อยมาป้อนโรงงานให้ได้มากที่สุด เพื่อลดต้นทุนในการผลิตต่อหน่วยลง

โดยความรุนแรงในการจัดหาอ้อย จะขึ้นอยู่กับปริมาณผลผลิตอ้อยในแต่ละปี ซึ่งในปีการผลิตที่ผ่านมา ปริมาณอ้อยปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคกลาง และภาคเหนือ ส่งผลให้การแข่งขันมีความรุนแรง ซึ่งหนึ่งในแนวทางที่ผู้ประกอบการใช้ในการจัดหาอ้อย (นอกจากการทำสัญญาซื้อขายอ้อยล่วงหน้ากับชาวไร่อ้อย) คือ การให้ราคารับซื้ออ้อยที่สูงกว่าราคาอ้อยขั้นต้นที่ถูกกำหนด โดยแนวทางดังกล่าวประกอบกับผลผลิตน้ำตาลและผลพลอยได้ที่ลดลง จะมีส่วนทำให้กำไรของโรงงานน้ำตาลปรับตัวลดลง

ซึ่งจากข้อมูลของผู้ประกอบการธุรกิจน้ำตาลในตลาดหลักทรัพย์ พบว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 กำไรสุทธิและอัตรากำไรสุทธิของผู้ประกอบการลดลง 19.1%YOY และ 0.8 percentage points ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ผลผลิตอ้อยที่จะเพิ่มขึ้นในปีการผลิต 67/68 จะทำให้การแข่งขันลดลง ผลผลิตน้ำตาลและผลพลอยได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อกำไรของผู้ประกอบการ

ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดยังมีการแข่งขันในด้านอื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแบรนด์ การยกระดับคุณภาพสินค้า การพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพ เช่น น้ำตาลแคลอรีต่ำ และการมุ่งสู่ความยั่งยืน เช่น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และงดรับซื้ออ้อยไฟไหม้ ดังนั้น กลุ่มบริษัทที่สามารถสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเกษตรกร สร้างแบรนด์ มีประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาลสูง มีคุณภาพสินค้าที่ดี และตอบโจทย์ผู้บริโภค และมีการดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล จะประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้

 

ที่มา: www.ryt9.com

]]>
https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%95%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%9b%e0%b8%b5-68-%e0%b9%81%e0%b8%99%e0%b8%a7/feed/ 0
คาดการณ์อุตสาหกรรมน้ำตาลปี 67 มีแนวโน้มขยายตัว แม้เจอภัยแล้ง https://www.csdlabservices.com/2024/%e0%b8%84%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%93%e0%b9%8c%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%95%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95/ https://www.csdlabservices.com/2024/%e0%b8%84%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%93%e0%b9%8c%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%95%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95/#respond Sat, 01 Jun 2024 02:00:51 +0000 https://www.csdlabservices.com/?p=3152
ที่มา: www.mitrpholmodernfarm.com

จากภัยแล้งที่ประเทศไทยประสบตั้งตีปี 2566 และคาดการณ์ว่าปี 2567 จะเจอภัยแล้งรุนแรง มิตรชาวไร่รวมถึงเกษตรกรชาวไร่ทั่วประเทศต่างวิตกกังวลกับสภาพอากาศที่แปรปรวน เพราะอาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรได้

ทั้งนี้ จากการคาดการณ์เกี่ยวกับอุตสาหกรรมน้ำตาล ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สัมพันธ์กับการผลิตอ้อยของมิตรชาวไร่ โดยมีผลคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมน้ำตาลในปี 67 ยังมีแนวโน้มขยายตัว โดยได้รับปัจจัยหนุนจากราคาที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ยังต้องจับตาความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง และนโยบายควบคุมการส่งออกน้ำตาลของอินเดีย โดยประเด็นสำคัญที่จะส่งผลต่อทิศทางอุตสาหกรรมน้ำตาลในปี 67 มีดังนี้

  • การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 67 จะยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการบริโภคสินค้าน้ำตาลในตลาดโลกยังคงมีแนวโน้มเติบโต อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้า ยังคงมีความเปราะบางสูง จากผลของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงมาก
  • นโยบายควบคุมการส่งออกน้ำตาลของอินเดีย จะส่งผลให้ราคาน้ำตาลโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นในปีหน้า เนื่องจากอินเดียเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลที่สำคัญของโลก ทั้งนี้ การดำเนินนโยบายควบคุมการส่งออกของอินเดีย ยังมีความไม่แน่นอนสูง จากกรอบเวลาและความเข้มงวดในการดำเนินนโยบายที่ไม่ชัดเจน
  • ปัญหาภัยแล้ง ปริมาณฝนที่น้อยกว่าค่าปกติในหลายพื้นที่ของไทยในปีนี้จากปรากฎการณ์เอลนีโญ จะสร้างความเสียหายให้กับผลผลิตอ้อยในฤดูกาลผลิต 2566/67 เนื่องจากอ้อยเป็นพืชที่ต้องการน้ำมากและพื้นที่เพาะปลูกอ้อยส่วนใหญ่ของไทย พึ่งพาน้ำฝนเป็นหลัก

SCB EIC หน่วยงานภายใต้ธนาคารไทยพาณิชย์คาดว่า รายได้ของอุตสาหกรรมน้ำตาลในปี 67 มีแนวโน้มขยายตัวเล็กน้อย โดยได้รับปัจจัยหนุนจากราคาที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยชดเชยปริมาณผลผลิตที่ลดลงค่อนข้างมาก โดยปริมาณผลผลิตน้ำตาลไทยในปีการผลิต 2566/67 มีแนวโน้มปรับตัวลดลง 20.9% มาอยู่ที่ 8.7 ล้านตัน ตามปริมาณอ้อยเข้าหีบของไทยที่คาดว่าจะลดลง 15.7% YOY มาอยู่ที่ 79.1 ล้านตัน ซึ่งเป็นผลจากผลผลิตต่อไร่ที่จะปรับตัวลดลงจากภาวะภัยแล้ง ทั้งนี้ พื้นที่ภาคกลาง และภาคเหนือ จะมีปริมาณผลผลิตอ้อยลดลงค่อนข้างมาก จากภาวะฝนแล้งที่รุนแรงกว่าภูมิภาคอื่น ๆ

อย่างไรก็ดี ต้องติดตามสถานการณ์การผลิต การส่งออก และความต้องการน้ำตาลในตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสภาพภูมิอากาศด้วย

 

ที่มา: www.mitrpholmodernfarm.com

]]>
https://www.csdlabservices.com/2024/%e0%b8%84%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%93%e0%b9%8c%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%95%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95/feed/ 0
เปิดตลาดน้ำตาลโลกปี 67 ภัยแล้งกดดันทำอินเดียลดส่งออก ไทยยึดตลาดพร้อม “แพงขึ้น” https://www.csdlabservices.com/2024/%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%95%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a5%e0%b8%81%e0%b8%9b%e0%b8%b5-67-%e0%b8%a0%e0%b8%b1/ https://www.csdlabservices.com/2024/%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%95%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a5%e0%b8%81%e0%b8%9b%e0%b8%b5-67-%e0%b8%a0%e0%b8%b1/#respond Thu, 01 Feb 2024 02:00:57 +0000 https://www.csdlabservices.com/?p=3122
ที่มา: www.thairath.co.th

SCB EIC ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมิน แนวโน้มอุตสาหกรรมน้ำตาล ปี 2567 พบว่าอุตสาหกรรมน้ำตาลในปี 2567 ยังมีแนวโน้มขยายตัว แม้จะต้องเผชิญกับปัญหาภัยแล้งรุนแรง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากราคาที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ยังต้องจับตาความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่เปราะบางและนโยบายควบคุมการส่งออกน้ำตาลของอินเดีย

น้ำตาลภาคกลาง-ภาคเหนือ กระทบหนักจากภัยแล้ง

โดยปริมาณผลผลิตน้ำตาลไทยในปีการผลิต 2566/2567 มีแนวโน้มปรับตัวลดลง 20.9% มาอยู่ที่ 8.7 ล้านตัน ตามปริมาณอ้อยเข้าหีบของไทยที่คาดว่าจะลดลง 15.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี มาอยู่ที่ 79.1 ล้านตัน ซึ่งเป็นผลจากผลผลิตต่อไร่ที่จะปรับตัวลดลง จากภาวะภัยแล้งจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ทั้งนี้ พื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือ จะมีผลผลิตอ้อยลดลงค่อนข้างมาก จากภาวะฝนแล้งที่รุนแรงกว่าภูมิภาคอื่นๆ

อินเดียลดส่งออก ดันราคาน้ำตาลพุ่งทั่วโลก

คาดว่าในปี 2567 ราคาส่งออกน้ำตาลโดยเฉลี่ย จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 21.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี มาอยู่ที่ 620.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน

สอดคล้องกับราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากในปีนี้ และคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปีหน้า เนื่องจากคาดว่าตลาดน้ำตาลโลกจะเผชิญภาวะขาดดุล ประกอบกับอินเดียมีแนวโน้มที่จะลดโควตาการส่งออกน้ำตาลลงอีกในฤดูกาลผลิตหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำตาลโลกในปี 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 26.1 เซนต์ต่อปอนด์

สำหรับมูลค่าการส่งออกน้ำตาลปี 2567 คาดว่าจะทรงตัวอยู่ที่ 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่มูลค่าตลาดน้ำตาลในไทยจะอยู่ที่ 5.5 หมื่นล้านบาท ขยายตัว 12.0% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยได้รับแรงหนุนจาก

1) ปริมาณการบริโภคในประเทศที่มีแนวโน้มขยายตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

 2) ราคาน้ำตาลในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากนโยบายภาครัฐ

สำหรับในระยะกลาง อุตสาหกรรมน้ำตาลยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากปริมาณผลผลิตน้ำตาลของไทย และความต้องการบริโภคน้ำตาลทั้งในและต่างประเทศ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ การเติบโตของอุตสาหกรรมน้ำตาลในปี 2567 และในระยะต่อไป ยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลากหลายด้าน ทั้งความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจและนโยบายด้านการเกษตรของประเทศคู่ค้า/คู่แข่ง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นโยบายและมาตรการเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และกระแสความยั่งยืน

ที่มา: https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ/2750439

]]>
https://www.csdlabservices.com/2024/%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%95%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a5%e0%b8%81%e0%b8%9b%e0%b8%b5-67-%e0%b8%a0%e0%b8%b1/feed/ 0
ครม.อนุมัติงบ 7,990 ล้านให้ชาวไร่อ้อย เริ่มจ่ายเดือน ม.ค.2567 https://www.csdlabservices.com/2024/%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%a1-%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%b8%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%87%e0%b8%9a-7990-%e0%b8%a5%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b9%89%e0%b8%8a%e0%b8%b2/ https://www.csdlabservices.com/2024/%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%a1-%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%b8%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%87%e0%b8%9a-7990-%e0%b8%a5%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b9%89%e0%b8%8a%e0%b8%b2/#respond Mon, 01 Jan 2024 02:00:48 +0000 https://www.csdlabservices.com/?p=3111
ที่มา: https://www.thairath.co.th

นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดในโครงการสนับสนุนชาวไร่อ้อย ตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 โดยชาวไร่อ้อยจะได้รับเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท คาดว่ามีชาวไร่อ้อยที่เข้าร่วมโครงการ 140,000 ราย เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวไร่อ้อยที่จะเริ่มจ่ายเงินได้ในเดือน ม.ค.2567

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีชาวไร่อ้อยที่ขึ้นทะเบียนเป็นชาวไร่อ้อยกับสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.)รวม 200,000 ราย แต่มีสิทธิได้รับเงินดังกล่าว 140,000 ราย เนื่องจากบางรายได้เลิกเพาะปลูกอ้อยไปแล้ว แต่ยังไม่มีมาขอถอนทะเบียนเป็นชาวไร่อ้อยกับ สอน. หรือบางรายตัดอ้อยแล้วนำไปฝากชาวไร่อ้อยรายอื่นๆส่งเข้าหีบในโรงงานน้ำตาล จึงไม่ได้รับสิทธิดังกล่าว

นางรัดเกล้า สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.ได้อนุมัติโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อย ตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 วงเงิน 7,990.60 ล้านบาท ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ เพื่อนำไปจ่ายเงินสนับสนุนชาวไร่อ้อย ในฤดูกาลผลิต 2565/66 อัตราไม่เกิน 120 บาทต่อตัน เพื่อให้เก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดี โดยช่วยเหลือเฉพาะชาวไร่อ้อยทุกรายที่ตัดอ้อยสดคุณภาพดีส่งโรงงานเท่านั้น ผ่านการสมทบจ่ายค่าแรงงานให้แก่เกษตรกรที่ตัดอ้อยสดแทนการตัดอ้อยไฟไหม้ เพื่อจูงใจให้ชาวไร่อ้อยหันมาตัดอ้อยสดส่งโรงงานน้ำตาลให้มากขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดที่ทำให้เกิดการลักลอบเผาอ้อย ครอบคลุมปริมาณอ้อย 95.57 ล้านตัน จำนวนชาวไร่อ้อย 200,000 ราย

“หลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินเป็นแนวทางในการสนับสนุนชาวไร่อ้อยให้เก็บเกี่ยวอ้อยสดและนำไปแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดในการเก็บเกี่ยวอ้อยสด โดยรัฐบาลใช้แหล่งเงินทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จ่ายไปก่อน แล้วจัดงบประมาณคืนให้พร้อมค่าใช้จ่ายดำเนินงาน โดยจากวงเงิน 7,990.60 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินจ่ายให้ชาวไร่อ้อย 7,775.01 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายของ ธ.ก.ส. 215.59 ล้านบาท โดยคิดจากเกษตรกร 200,000 ราย รายละ 5 บาท

การสนับสนุนวงเงินดังกล่าว เพื่อให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดี ลดปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่น PM 2.5 เป็นไปตามพันธกรณีภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) ในข้อกำหนดด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม (Green box) ด้านการเกษตรและแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่มีข้อจำกัด ที่ทำให้เกิดการลักลอบเผาอ้อย และปรับปรุงพื้นที่เพาะปลูกให้เหมาะสมกับการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรในการเก็บเกี่ยวอ้อยสด

“ในที่ประชุม ครม. นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ได้ให้ข้อมูลกับ ครม. ว่า ในการให้ความช่วยเหลือกับเกษตรกรผู้ปลูกไร่อ้อยครั้งนี้ เป็นไปตามมติ ครม.ในรัฐบาลที่ผ่านมา ที่ได้ให้ค่าช่วยเหลือในโครงการนี้ 120 บาทต่อตันอ้อย และขณะนี้จากการให้การช่วยเหลือในลักษณะนี้ ได้ทำให้ชาวไร่อ้อยเปลี่ยนพฤติกรรมมาเป็นการดูแลรักษาพื้นที่เพาะปลูก และลดเลิกพฤติกรรมการเผาอ้อยลง แม้ว่าในตัวเลขภาพรวมของทั้งประเทศ ตัวเลข PM 2.5 ยังไม่ลดลง แต่ต้องให้ไปดูในพื้นที่เพาะปลูกจริงว่าเกษตรกรมีการปรับตัวมากแล้ว”.

ที่มา: https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ/2745660

]]>
https://www.csdlabservices.com/2024/%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%a1-%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%b8%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%87%e0%b8%9a-7990-%e0%b8%a5%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b9%89%e0%b8%8a%e0%b8%b2/feed/ 0
หักดิบคุมราคา “น้ำตาลทราย” ใคร? ได้-เสีย ประโยชน์ https://www.csdlabservices.com/2023/%e0%b8%ab%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%94%e0%b8%b4%e0%b8%9a%e0%b8%84%e0%b8%b8%e0%b8%a1%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%b2-%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%97%e0%b8%a3/ https://www.csdlabservices.com/2023/%e0%b8%ab%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%94%e0%b8%b4%e0%b8%9a%e0%b8%84%e0%b8%b8%e0%b8%a1%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%b2-%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%97%e0%b8%a3/#respond Fri, 01 Dec 2023 02:00:56 +0000 https://www.csdlabservices.com/?p=3105
ที่มา: www.thaipbs.or.th

“น้ำตาลทราย” กลายเป็น “น้ำตาลขม” หลังพาณิชย์หักดิบให้น้ำตาลทรายเป็นสินค้าควบคุม ชาวไร่อ้อยเดือดทั้งประเทศ “ภูมิธรรม” ตั้ง “ยรรยง”นั่งหัวโต๊ะคณะทำงานฯหาจุดสมดุลทั้ง 2 ฝ่ายให้เวลา 1 เดือน ด้านชาวไร่อ้อยยอมถอยเลิกปิดโรงงาน

กลายเป็นประเด็นร้อนระอุในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) กระทรวงอุตสาหกรรมออกมากำหนดราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานใหม่เพื่อใช้ในการคำนวณราคาอ้อยและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย ประจำฤดูการผลิตปี 2566/2567 เมื่อช่วงค่ำวันที่ 27 ต.ค.2566

จากเดิมราคา “น้ำตาลทรายขาว” อยู่ที่กิโลกรัมละ 19 บาท เป็น 23 บาทต่อกิโลกรัม และ “น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์”จากเดิม 20 ต่อกิโลกรัมเป็น 24 บาทต่อกิโลกรัมมีผลตั้งแต่ 28 ต.ค.2566เป็นต้นไป

ต่อมากระทรวงพาณิชย์ซึ่งเป็นกระทรวงปลายน้ำที่กำกับดูแลราคาสินค้าให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้บริโภคนายภูมิธรรม เวชชชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานประธานกกร.ได้เรียกประชุมคณะกรรมกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.)เร่งด่วนในช่วงบ่ายของวันที่30 ต.ค.2566 หลังการประชุมกกร.ได้มีมติประกาศให้สินค้า “น้ำตาลทราย”เป็นสินค้าควบคุม และนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.)พิจารณาเห็นชอบในวันที่31 ต.ค.2566ทันที ซึ่งครม.มีมติชอบให้ “น้ำตาลทราย” เป็นสินค้าควบคุม และลงนามประกาศในราชกิจจาฯให้ “น้ำตาลทราย” เป็นสินค้าควบคุมมีผลทันที ถือว่าเป็นการเบรกประกาศของ สอน. กระทรวงอุตสาหกรรม

สอน.อ้าง 2 เหตุผลเสนอปรับราคา

สอน.ระบุว่า การปรับราคาน้ำตาล 4 บาท แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ ส่วนที่ 1 เงินจำนวน 2 บาทให้กับกองทุนน้ำตาล 2 บาทเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่นปัญหาฝุ่นP.M2.5 และอีก 2 บาท เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่แบกรับปัญหาโดยเฉพาะต้นทุนการผลิต

หลังการประกาศคุมราคาน้ำตาลของกระทรวงพาณิชย์ ส่งผลให้ชาวไร่อ้อยทั่วประเทศถึงกับออกมาประกาศขู่ปิดโรงงานน้ำตาลทั่วประเทศในวันที่ 5 พ.ย.นี้ หลังถูกแทรกแซงการขึ้นราคาอ้อยหน้าโรงงาน ชาวไร่อ้อยมองว่าการปรับขึ้นราคาน้ำตาล 4 บาท เป็นมติความเห็นชอบของ กอน. ที่พิจารณาตามสถานการณ์น้ำตาลโลกในปัจจุบันที่มีราคาสูงกว่าประเทศไทยจำนวนมาก ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์ไม่ควรมาแทรกแซงกลไกราคาตลาดโลก

ล่าสุดวันนี้( 2 พ.ย.2566) องค์กรชาวไร่อ้อย ได้แก่ สหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย, ชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน, สหสมาคมชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และ สมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย ได้เข้าพบนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกและรมว.พาณิชย์ เพื่อฟังคำชี้แจงว่าเหตุใดกระทรวงพาณิชย์ถึงต้องเข้ามาแทรกแซงราคาน้ำตาล ทำไมไม่ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดแบบในอดีต

“สมาคมไร่อ้อย” ยอมถอยเลิกโรงงาน

นายกำธร กิตติโชติทรัพย์ นายกสมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยเขต 7 นายกสมาคมชาวไร่อ้อย เขต7 ระบุว่า จากการหารือในวันนี้ สมาคมชาวไร่อ้อยเห็นด้วยกับการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาแก้ปัญหาระยะยาว และระหว่างนี้จะไม่มีการปิดโรงงานหรือระงับการขนน้ำตาลออกจากโรงงาน

และยืนยันว่า ไทยมีน้ำตาลเพื่อการบริโภคอย่างเพียงพอ จากผู้ประกอบการกว่า 50 โรงงาน เนื่องจากมีการควบคุมการเบิกจ่ายน้ำตาลอย่างเข้มงวด และขณะนี้ยังไม่พบการลักลอบส่งออกน้ำตาล

ตั้ง”ยรรยง”คณะทำงานฯศึกษาผลกระทบ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้ทำความเข้าใจกับชาวไร่อ้อยโดยถึงเหตุผลการคุมราคาน้ำตาล ขณะเดียวกันก็รับฟังปัญหาและความเดือดร้อนชาวไร่อ้อย รวมทั้งข้อเสนอแนะต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่ายทั้งประชาชน ผู้ผลิต และชาวไร่อ้อย

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการตั้งคณะทำงานบริหารความสมดุลในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายโดย มีนายยรรยง พวงราช อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรัฐมนตรีเป็นประธาน อธิบดีกรมการค้าภายในเป็นเลขา ตัวแทนชาวไร่อ้อยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการค้าต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล หรือ สอน. โดยหาข้อสรุปทางออกที่เหมาะสมร่วมกัน กำหนดกรอบระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน หรือก่อนเปิดหีบอ้อยฤดูกาลใหม่

กางต้นทุนการผลิตเกษตรกรไร่อ้อย

สำหรับต้นทุนการผลิตอ้อยของชาวไร่ ทาง สอน.ระบุว่า ต้นทุนการผลิตอ้อยขณะนี้อยู่ที่ 1,400 บาทต่อตันอ้อย หากคิดเป็นราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 22 บาท สำหรับผลผลิตอ้อยปี2566/67 คาดว่าจะลดลงเหลือปริมาณ 75 ล้านตันต้นอ้อย(-+) เนื่องจากภัยแล้ง ซึ่งหากแปลงเป็นน้ำตาลทรายจะมีปริมาณ 7.5 ล้านตัน แบ่งเป็นบริโภคในประเทศ 2.5 ล้านตัน ที่เหลือเป็นการส่งออก

นายมนตรี เลาหศักด์ประสิทธิ์ เลขาธิการสหสมาคมชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทยและนายกสมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อย เขต6 กล่าวว่า ตนเองเป็นชาวไร่อ้อยด้วยที่ผ่านมาการขายอ้อย ราคาอ้อยจะเป็นไปตามราคาตลาดโลก ซึ่งการมาแทรกแซงของหน่วยงานรัฐทำให้ชาวไร่อ้อยไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งหลังจากการหารือกับกระทรวงพาณิชย์มีการตั้งคณะทำงานฯดูแลความสมดุลของราคานี้ขี้นมาก็ต้องมาดูว่า สุดท้ายแล้วราคาที่เกษตรกรชาวไร่อ้อยพอใจอยู่ตรงไหน

ผู้ประกอบการชี้กระทบแต่ยังไม่ปรับราคา

รายงานข่าวระบุว่า จากการสอบถามร้านขายเครื่องดื่ม ประเภทน้ำหวาน กาแฟ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ปรับราคา เพราะสต๊อกน้ำตาลทรายเดิมยังมีอยู่ ซึ่งการปรับราคาเครื่องดื่มขึ้นก็อาจจะไปกระทบกับผู้บริโภคและอาจจะทำให้ลูกค้าลดลง แต่ในอนาคตก็อาจจะปรับถ้าต้นทุนสูงขึ้น

ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยหลังจากมติครม.เห็นชอบให้เพิ่ม “น้ำตาลทราย” ขึ้นบัญชีเป็นสินค้าควบคุม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอไปนั้น มีเพียงบางอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ เช่น เครื่องดื่ม ยาอม ลูกอม ขนมหวาน ที่ใช้น้ำตาลเป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งจะเป็นต้นทุนหลักจะได้รับผลกระทบก่อน แต่กลุ่มอาหาร อาจจะไม่กระทบมากเพราะปัจจุบันเทรน์การบริโภคเปลี่ยนไปผู้บริโภคลดความหวานในเมนูอาหารและหันมารับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น อีกทั้งมีสารทดแทนความหวานจากพืชอื่น ๆ ดังนั้นกลุ่มอาหารอาจได้รับผลกระทบน้อย

“ค้าภายใน”สั่งพาณิชย์จังหวัดคุมเข้ม

นายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้เรียกประชุมพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ สั่งการให้ลงพื้นที่ตรวจสอบไม่ให้เกิดการกักตุน รวมทั้งประสานส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง กรมศุลกากร การท่าเรือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง ให้เข้ามาช่วยกันตรวจสอบ โดยเฉพาะในตลาดกลาง ตลาดสด ด้วย

นายวัฒนศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนประกาศของสอน. กรมฯได้แจ้งให้รับทราบ ถึงประกาศการคุมราคาเพื่อให้ สอน. ดำเนินการพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามนโยบายหลักของรัฐบาล ในการดูแลค่าครองชีพ เพราะ “น้ำตาลทราย” ถือเป็นสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน และเป็นต้นทุนสำคัญในหลายตัวสินค้า ทั้งอาหารปรุงสำเร็จ เครื่องดื่ม รวมไปถึงเป็นวัตถุดิบสำคัญในสินค้าอีกหลายตัว จึงต้องลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน

สำหรับมาตรการดูแลราคาควบคุมการจำหน่ายน้ำตาลทราย หน้าโรงงาน ไว้เท่าเดิม คือ น้ำตาลทรายขาว ไม่เกินกิโลกรัม ละ 19 บาท และ น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ ไม่เกินกิโลกรัมละ 20 บาท ราคาขายปลีกในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไม่เกินกิโลกรัม ละ 24 บาท และ 25 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนมาตรการดูแลชาวไร่อ้อยนั้น กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นผู้พิจารณาออกมาตรการมารองรับ

ส่วนพื้นที่อื่นจะขึ้นอยู่กับกับค่าบริหารจัดการต้นทุน และขนส่ง รวมทั้งควบคุมการส่งออก โดยการจำหน่ายเพื่อการส่งออก เกิน 1 ตัน หรือ 1,000 กิโลกรัมขึ้นไป จะต้องขออนุญาตก่อน

ไม่คุมราคา”น้ำตาลทราย”แบบซอง

ทั้งนี้การคุมราคาน้ำตาลทราย กรมฯ ควบคุมแค่น้ำตาลทรายบรรจุถุง้ท่านั้น ส่วนน้ำตาลทรายก้อน น้ำตาลทรายซองขนาด 10กรัม หรือน้ำตาลทรายบรรจุขวด จะไม่มีการคุมราคาเพราะมีเรื่องของต้นทุนแพ็คเกจจิ้ง

นายวัฒนศักดิ์ กล่าวอีกว่า หากร้านค้า ห้างสรรพสินค้า มีการจำหน่ายเกินราคาควบคุม จะมีความผิดตาม พรบ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มาตรา 25 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีพบการกักตุน จะมีความผิดตามมาตรา 30 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ โดยผู้บริโภค สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1569

โดยหลังจากนี้ไป 1 เดือน คงต้องติดตามต่อว่าคณะทำงานฯที่นายภูมิธรรมตั้งขึ้นมานั้น จะสามารถหาข้อสรุปและหาความสมดุลของราคาน้ำตาลให้เกิดความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่ายได้หรือไม่ เพราะต้องให้ทันกับฤดูกาลเปิดหีบอ้อยในช่วงปลายเดือนพ.ย.นี้

ที่มา: www.thaipbs.or.th

]]>
https://www.csdlabservices.com/2023/%e0%b8%ab%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%94%e0%b8%b4%e0%b8%9a%e0%b8%84%e0%b8%b8%e0%b8%a1%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%b2-%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%97%e0%b8%a3/feed/ 0
ครม.เห็นชอบ “น้ำตาลทราย” สินค้าควบคุมปี 2566 มอบ ก.อุตฯ ช่วยชาวไร่อ้อย https://www.csdlabservices.com/2023/%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%a1-%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b8%8a%e0%b8%ad%e0%b8%9a-%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%97%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2/ https://www.csdlabservices.com/2023/%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%a1-%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b8%8a%e0%b8%ad%e0%b8%9a-%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%97%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2/#respond Wed, 01 Nov 2023 02:00:43 +0000 https://www.csdlabservices.com/?p=3085

ที่มา: https://www.isranews.org

“รัดเกล้า” เผย ครม.เห็นชอบให้ “น้ำตาลทราย” เป็นสินค้าควบคุมปี 66 มอบหมาย ก.อุตสาหกรรม ช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย เหมาะสมและเป็นธรรม พร้อมนำมาตรการช่วยเหลือเข้า ครม.ภายใน 2 สัปดาห์ 

วันที่ 31 ต.ค. 66 ที่ทำเนียบรัฐบาล นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ น้ำตาลทราย เป็นสินค้าควบคุมปี 2566 และมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยให้ได้รับผลตอบแทนอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตอ้อยในแต่ละช่วงเวลา โดยไม่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ

นางรัดเกล้า กล่าวว่า ในส่วนของการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไรอ้อย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรับไปศึกษาดูผลกระทบที่จะเกิดกับเกษตรกรชาวไร่อ้อย ควบคู่ติดตามค่าชดเชยต่างๆ ที่เกษตรกรควรจะได้รับ พร้อมนำมาตรการการช่วยเหลือมาเสนอเข้าที่ประชุม ครม. ภายใน 2 สัปดาห์นี้

“ครม. เห็นควรให้น้ำตาลทราย เป็นสินค้าควบคุม เนื่องจากราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกปรับสูงขึ้นจากสภาวะภัยแล้ง ความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาจำหน่ายในประเทศต่ำกว่าราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลก ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้มีการส่งออกเพิ่มมากขึ้น กระทบต่อปริมาณน้ำตาลทรายและราคาในประเทศ ส่งผลให้ผู้บริโภคและอุตสาหกรรมต่อเนื่องได้รับผลกระทบ” นางรัดเกล้า กล่าว

ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/politic/2737034

]]>
https://www.csdlabservices.com/2023/%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%a1-%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b8%8a%e0%b8%ad%e0%b8%9a-%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%97%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2/feed/ 0
นวัตกรรมเพิ่มค่าหวาน อ้อยได้น้ำตาลเพิ่ม 20% https://www.csdlabservices.com/2023/%e0%b8%99%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b9%80%e0%b8%9e%e0%b8%b4%e0%b9%88%e0%b8%a1%e0%b8%84%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%99-%e0%b8%ad%e0%b9%89/ https://www.csdlabservices.com/2023/%e0%b8%99%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b9%80%e0%b8%9e%e0%b8%b4%e0%b9%88%e0%b8%a1%e0%b8%84%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%99-%e0%b8%ad%e0%b9%89/#respond Tue, 01 Aug 2023 02:00:19 +0000 https://www.csdlabservices.com/?p=3057
ที่มา: https://www.thairath.co.th

อ้อยถือเป็นพืชเศรษฐกิจหลักที่สำคัญในการผลิตน้ำตาลของประเทศไทย ที่มีศักยภาพสร้างรายได้ทั้งในและต่างประเทศ

ข้อมูลรายงานปริมาณการส่งออกน้ำตาลของประเทศไทยเมื่อเดือนตุลาคม 2565 เทียบกับในช่วงปี 2563-2564 มีมูลค่าการส่งออกน้ำตาลทรายได้ขยายตัวสูงถึง 120.1% และมีการคาดการณ์ว่าในปี 2566 มูลค่าการส่งออกน้ำตาลของไทยจะพุ่งสูงถึง 3.7 พันล้านดอลลาร์

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไทยจัดเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ลำดับที่ 4 ในเวทีโลก รองจากบราซิล อินเดีย และสหภาพยุโรป

อ้อยหวานมีปริมาณน้ำตาล (CCS) สูง ยิ่งเป็นที่ต้องการของตลาดอุตสาหกรรมน้ำตาล อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม

การปลูกอ้อยเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ มีค่าความหวานสูง จะเริ่มตั้งแต่การเลือกพันธุ์อ้อยที่เหมาะสมกับพื้นที่เพาะปลูก การปรับสภาพดิน การใส่ปุ๋ยให้น้ำ กำจัดศัตรูพืช จนกระทั่งการเก็บเกี่ยวอ้อยในช่วงเวลาที่เหมาะสม

แต่ในปัจจุบันการปลูกอ้อยกำลังเผชิญกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้น ทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การขาดแคลนน้ำ ทำให้อ้อยมีผลผลิตต่ำ

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่อย่าง “นวัตกรรมการควบคุมการเจริญเติบโตของพืชเพื่อช่วยเพิ่มน้ำตาลในอ้อย” ถือเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อเพิ่มผลผลิตน้ำตาล สามารถยกระดับมูลค่าอ้อยในอุต สาหกรรมน้ำตาล รวมทั้งลดระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวผลผลิตให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยด้วย

นวัตกรรมดังกล่าวเป็นฮอร์ โมนพืชชนิด Trinexapac–ethyl สามารถควบคุมการเจริญเติบโตของอ้อย กระตุ้นให้อ้อยสร้างความหวานสะสมน้ำตาลมากขึ้นโดยที่อ้อยตอยังคงเติบโตได้อย่างปกติ

ทั้งนี้ ผลการทดลองจากนักวิชาการของบริษัทเทคโนโลยีเกษตรระดับโลกอย่าง ซินเจนทา พบว่า พื้นที่เพาะปลูกอ้อยในประเทศบราซิลที่ใช้นวัตกรรมนี้ในช่วง 30-60 วันก่อนเก็บเกี่ยว ค่าความหวานของอ้อย หรือค่า CCS เพิ่มขึ้นจาก 12 เป็น 13-15 ทำให้ปริมาณน้ำตาลในต้นอ้อยเพิ่มขึ้น 20% จากปกติ โดยที่น้ำหนักสดอ้อยยังคงเท่าเดิม

นวัตกรรมนี้ไม่เพียงช่วยให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้นจากค่า CCS ที่เพิ่มขึ้น แต่ยังช่วยเก็บเกี่ยวได้เร็วขึ้นราว 30-60 วัน สามารถวางแผน การตัดอ้อยให้เหมาะกับช่วงเวลาในการเข้าโรงงาน ลดความแออัด และสะดวกต่อการจัดสรรเวลา

ปัจจุบันได้มีการนำนวัตกรรมนี้มาใช้ในหลายประเทศ อาทิ บราซิล แอฟริกาใต้ อเมริกา แคนาดา และนิวซีแลนด์ แต่อย่างไรก็ตาม การใช้นวัตกรรมดังกล่าวควรพิจารณาและปฏิบัติตามกฎระเบียบ รวมถึงมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้ผลผลิตที่ได้เป็นไปตามมาตรฐานอาหารและการผลิตที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป.

ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/local/2713967?gallery_id=1

]]>
https://www.csdlabservices.com/2023/%e0%b8%99%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b9%80%e0%b8%9e%e0%b8%b4%e0%b9%88%e0%b8%a1%e0%b8%84%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%99-%e0%b8%ad%e0%b9%89/feed/ 0