www.csdlabservices.com https://www.csdlabservices.com ห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ค่าทางน้ำตาลและสารอนุพันธ์(SDAL) Thu, 02 Oct 2025 10:23:36 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.2 https://www.csdlabservices.com/wp-content/uploads/2023/04/cropped-323342160_5859704744115567_3990228457261389902_n-32x32.jpg www.csdlabservices.com https://www.csdlabservices.com 32 32 การวิเคราะห์การสูญเสียน้ำตาล ประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาล และผลกระทบจากอ้อยสดและอ้อยไฟไหม้ในกระบวนการผลิตน้ำตาลทราย https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b9%8c%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%aa%e0%b8%b9%e0%b8%8d%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b8%a2/ https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b9%8c%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%aa%e0%b8%b9%e0%b8%8d%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b8%a2/#respond Thu, 02 Oct 2025 10:19:42 +0000 https://www.csdlabservices.com/?p=3342

โครงการ การวิเคราะห์การสูญเสียน้ำตาล ประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาล

และผลกระทบจากอ้อยสดและอ้อยไฟไหม้ในกระบวนการผลิตน้ำตาลทราย

.
คุณภาพของอ้อยที่เข้าสู่โรงงานน้ำตาล เป็นตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อ
📉 การสูญเสียน้ำตาล
⚙ ประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาล
โดยการเปรียบเทียบ อ้อยสด 🌱 และ อ้อยไฟไหม้ 🔥 ที่แตกต่างกัน
ทั้งอัตราส่วน ขนาดของท่อนอ้อย และผลผลิตได้ของน้ำตาลที่ผลิตได้
.
🔎 เป้าหมายของโครงการ
🎯 วิเคราะห์การสูญเสียน้ำตาลจากอ้อยสดและอ้อยไฟไหม้
🎯 เก็บข้อมูลคุณภาพอ้อยเพื่อใช้ในการคัดเลือกและควบคุม
🎯 สร้างองค์ความรู้เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาลทราย
.
📊 ผลการศึกษา
• อ้อยไฟไหม้ 🔥 → สิ่งปนเปื้อนสูง สูญเสียน้ำตาลมาก
• อ้อยสด 🌱 → คุณภาพดีกว่า สูญเสียน้อยกว่า ผลได้น้ำตาลต่อตันอ้อยสูง
.
✨ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
✅ ลดการสูญเสียน้ำตาล
✅ เพิ่มคุณภาพและปริมาณผลได้น้ำตาล
✅ สนับสนุนการควบคุมคุณอ้อยอย่างที่เข้าสู่โรงงานให้มีประสิทธิภาพ
.
📌 งานวิจัยนี้คือก้าวสำคัญที่จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมน้ำตาลไทยให้แข็งแรงและยั่งยืน 🌱🍬💪
.
📌 คณะที่ปรึกษาโครงการ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (รศ.ดร.บุญทิวา นิลจันทร์ และ รศ.ดร.บุญทิวา นิลจันทร์)
📌 หน่วยงานผู้รับผิดชอบ: ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายภาคที่ 3
]]>
https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b9%8c%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%aa%e0%b8%b9%e0%b8%8d%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b8%a2/feed/ 0
การศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพและการจำแนกชนิดของจุลินทรีย์ที่ผลิตสารเมือกในไร่อ้อย เพื่อลดการสูญเสียน้ำตาลในอ้อยและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาล https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%a8%e0%b8%b6%e0%b8%81%e0%b8%a9%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%97%e0%b8%b2/ https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%a8%e0%b8%b6%e0%b8%81%e0%b8%a9%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%97%e0%b8%b2/#respond Tue, 16 Sep 2025 07:35:41 +0000 https://www.csdlabservices.com/?p=3310 โครงการพัฒนาสารชีวภัณฑ์ยับยั้งจุลินทรีย์ที่ผลิตสารเมือกในอ้อยหลังการเก็บเกี่ยว

เพื่อลดการสูญเสียน้ำตาลในอ้อยและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาล

การสูญเสียน้ำตาลหลังการเก็บเกี่ยวเป็นปัญหาสำคัญของอุตสาหกรรมน้ำตาล สาเหตุหลักมาจาก จุลินทรีย์ที่ผลิตสารเมือก (Slime-forming bacteria) เช่น Pantoea, Rahnella, Bacillus, Leuconostoc และ Pseudomonas ที่สามารถสร้างสารเมือกที่เป็นปัญหาหลักของการสูญเสียน้ำตาลและประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาลที่ลดลง

โครงการวิจัยนี้มุ่งศึกษาความหลากหลายของจุลินทรีย์ที่ผลิตสารเมือก จำแนกชนิดจุลินทรีย์และสารเมแทบอไลต์จากดินท่อนอ้อยหลังการเก็บเกี่ยว และพัฒนาสารชีวภัณฑ์เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โดยมีความก้าวหน้า ดังนี้:

กิจกรรมที่ 1: คัดแยกและศึกษาความหลากหลายของจุลินทรีย์ที่ผลิตสารเมือก จากระบบนิเวศน์ในไร่อ้อย ซึ่งพบเชื้อหลายชนิดที่มีการสร้าง สารเมือกนอกเซลล์ (Extracellular polysaccharides: EPS) และสร้างเดกแทรนซ์ที่ก่อปัญหาในกระบวนการผลิตน้ำตาล

กิจกรรมที่ 2: จำแนกชนิดจุลินทรีย์และสารเมแทบอไลต์จากดินท่อนอ้อยหลังการเก็บเกี่ยว ด้วยเทคนิค เมแทจีโนมิกส์และเมแทบอโลมิกส์ ซึ่งได้ข้อมูลเชิงลึกระดับยีนที่ช่วยระบุว่าเชื้อเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดสารเมือก และสร้างปัญหาในการกระบวนการผลิตน้ำตาล

กิจกรรมที่ 3: การศึกษาการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ที่ผลิตสารเมือกที่เป็นสาเหตุหลักในการสูญเสียน้ำตาลด้วยวิธีการทางชีวภาพ (biocontrol) และพัฒนาสูตรชีวภัณฑ์และทดสอบในห้องปฏิบัติการ ได้ผลสำเร็จเบื้องต้น สามารถยับยั้งจุลินทรีย์ที่ผลิตสารเมือกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผลการวิจัยทุกกิจกรรม แสดงถึงความหลากหลายของจุลินทรีย์ในระบบนิเวศน์ การระบุชนิดจุลินทรีย์และกิจกรรมทางชีวภาพต่างๆ และประสิทธิภาพและพัฒนาสารชีวภัณฑ์ยับยั้งจุลินทรีย์ที่ผลิตสารเมือก เพื่อลดปัญหาการเสื่อมสภาพของอ้อย ลดการสูญเสียน้ำตาลในอ้อยและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาล

หน่วยงานผู้รับผิดชอบ: ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายภาคที่ 2 สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย

คณะที่ปรึกษา: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (รศ.ดร.บุญทิวา นิลจันทร์ และคณะ)

]]>
https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%a8%e0%b8%b6%e0%b8%81%e0%b8%a9%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%97%e0%b8%b2/feed/ 0
โรงงานน้ำตาลรับอ้อยเผาต่ำสุดในประวัติศาสตร์ ลดใกล้แตะ 10% ลดฝุ่น PM2.5 https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%ad%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%9c%e0%b8%b2/ https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%ad%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%9c%e0%b8%b2/#respond Sat, 01 Feb 2025 02:00:48 +0000 https://www.csdlabservices.com/?p=3291
ที่มา: www.ocsb.go.th

กระทรวงอุตสาหกรรมเผย โรงงานน้ำตาลรับอ้อยเผาต่ำสุดในประวัติศาสตร์ลดใกล้แตะ 10% หลังอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างปัญหาฝุ่น PM2.5 ชี้ทำให้ภาคอีสานและภาคกลางมีคุณภาพที่ดีขึ้น

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่กระทรวงอุตสาหกรรมขอความร่วมมือโรงงานน้ำตาลทั่วประเทศ ให้รับเฉพาะอ้อยสดเข้าหีบ โดยชะลอ ระงับ ยับยั้ง และยุติการเผาไร่อ้อยรวมถึงยุติการรับอ้อยเผาเข้าหีบ ตามแนวทางมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ฝุ่นละออง PM 2.5) ของนายกรัฐมนตรีและมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568 ให้ผู้ประกอบการอ้อยและน้ำตาลทรายงดการรับซื้ออ้อยเผาโดยเด็ดขาด

ส่งผลให้สถิติการผลิตอ้อยและน้ำตาลทรายฤดูการผลิต 2567/2568 ของโรงงานน้ำตาล 58 แห่งทั่วประเทศวันที่ 26 มกราคม 2568 พบว่า ชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลทั่วประเทศให้ความร่วมมือตัดและรับอ้อยเผาเข้าหีบต่ำสุดในประวัติศาสตร์ ลดลงใกล้แตะ 10%

ดันอ้อยสดพุ่ง 90% ของปริมาณการรับอ้อยเข้าหีบทั้งหมด ส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนไล่เรียงลงมาถึงภาคกลางมีค่าคุณภาพอากาศที่ดีขึ้น ฝุ่นพิษ PM2.5 ลดลง ทำให้ประชาชนมีความมั่นใจในการออกมาทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจนอกบ้านเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ หากชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลทั่วประเทศทั้ง 58 โรงงานให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการรักษามาตรฐานลดการตัดและรับอ้อยเผาลงอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายจะเป็นเป็นส่วนหนึ่งในการไม่ซ้ำเติมให้ค่าดัชนีคุณภาพอากาศสูงขึ้น และมีส่วนช่วยให้ประชาชนได้รับอากาศบริสุทธิ์ ใช้ชีวิตประจำวันและทำกิจกรรมกลางแจ้งตามปกติ

“ผู้บริหารโรงงานน้ำตาลและเกษตรกรชาวไร่อ้อยกว่า 90% ที่ให้ความร่วมมือไม่รับซื้ออ้อยเผาและไม่เผาอ้อยตั้งแต่ช่วงปีใหม่เป็นต้นมา สะท้อนจากสถิติอ้อยเผาที่ลดลง และยังคงมีแนวโน้มลดลงเหลือตัวเลขหลักเดียว ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้คนไทยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี“

 

ที่มา: www.ocsb.go.th

]]>
https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%ad%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%9c%e0%b8%b2/feed/ 0
น้ำตาลพลังงานในร่างกาย https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%9e%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a2/ https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%9e%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a2/#respond Sat, 01 Feb 2025 02:00:45 +0000 https://www.csdlabservices.com/?p=3288
ที่มา: ch9airport.com

อาหารสมุนไพรที่ใช้รักษาอาการหรือโรคที่นำมาเสนอนี้ เป็นการศึกษาของประเทศจีน หากท่านผู้อ่านท่านใดได้เคยใช้ในการรักษาอาการ หรือโรคใดและได้ผล กรุณาแจ้งมายัง “หมอชาวบ้าน” เพื่อรวบรวมไว้เป็นข้อมูลศึกษา และเผยแพร่เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมต่อไป

น้ำตาล-พลังในร่างกาย

ตั้งแต่คลอดออกจากครรภ์มารดา ในการดำรงของชีวิตของมนุษย์เราจะขาดน้ำตาลไม่ได้ แม้อาหารที่จำเป็นของทารกก็คือ น้ำนมก็มีน้ำตาลผสมอยู่

อาหารพวกคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว ขนมปัง ก็ประกอบด้วยน้ำตาลพวก (monosac charide) นอกจากนี้ในผลไม้ ผัก ก็มีน้ำตาล น้ำตาลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต การทำงานของอวัยวะภายในและเนื้อเยื่อของร่างกายต่างๆ ก็ล้วนต้องใช้พลังงานจากน้ำตาล นอกจากนี้ การหายใจ การไหลเวียน การขับปัสสาวะ การย่อยอาหารล้วนแล้วแต่ต้องการความร้อนจากน้ำตาลทั้งสิ้น

สรุปแล้วพลังงานในการเคลื่อนไหวของมนุษย์ 70% มาจากน้ำตาลถ้าขาดน้ำตาลมนุษย์ก็จะไม่สามารถดำรงอยู่ได้ จะเห็นได้ว่าน้ำตาลมีความสำคัญต่อชีวิตมาก

น้ำตาลมีอยู่ 3 ชนิดใหญ่ๆ คือ

ชนิดที่หนึ่ง Monosaccharide ได้แก่ กลูโคส (Glucose) ฟรุคโตส (Fructose), Glalactose

ชนิดที่สอง Disaccharide ได้แก่ ซูโครส (Sucrose) มัลโตส (Maltose) แลคโตส (Lactose)

ชนิดที่สาม Polysaccharide ได้แก่ แป้ง (Starch) , Cellulose Glycogen เป็นต้น

เมื่อพูดถึงน้ำตาล ใครๆ ก็ต้องรู้ว่ามีรสหวาน แต่ความจริงแล้วไม่ใช่น้ำตาลทุกชนิดจะมีรสหวาน

เช่น แลคโตส (Lactose) ซึ่งมีอยู่ในน้ำนมคนหรือวัว ถ้าเราดื่มนมจะไม่รู้สึกหวาน แม้เราจะกินแลคโตสเพียงอย่างเดียว ความหวานก็มีอยู่อย่างจำกัด แม้แลคโตสจะไม่มีรสหวาน แต่ก็เป็นอาหารจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของทารก

แลคโตสจะทำหน้าที่ป้องกันจุลินทรีย์ที่จำเป็นในลำไส้ของทารก และยังช่วยการดูดซึมของแคลเซียม ทำให้ทารกสามารถย่อยและดูดซึมได้ แต่ถ้าผู้ใหญ่กินกลับจะทำให้ย่อยยากและทำให้ท้องเสีย

นอกจากนี้แป้งซึ่งเป็นอาหารที่สำคัญของมนุษย์ ประกอบด้วยอนุภาคกลูโคส 6,500 หน่วย ถ้าไม่มีการสลายตัวจะไม่มีรสหวาน แต่เป็นแหล่งสำคัญของน้ำตาลที่ร่างกายได้รับในแต่ละวัน

เวลาที่เรากินขนมปังแป้ง จะคลุกเคล้ากับเอนไซม์ในน้ำลาย เกิดการสลายตัวทำให้เกิดรสหวาน คือ มัลโตส (Maltose) ขึ้น ในวันหนึ่งๆ ร่างกายต้องการน้ำตาลจากอาหารประมาณ 100-400 กรัม ซึ่งส่วนใหญ่ได้มาจากแป้ง น้ำตาลต่างๆ ที่เข้าในร่างกาไม่ใช่ว่าจะได้รับการดูดซึมแล้วนำไปใช้โดยตรง นอกจากลูโคสแล้ว ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลชนิดใดจะต้องถูกออกซิไดซ์ให้เป็นกลุโคสก่อนจึงจะเปลี่ยนเป็นพลังงานเพื่อให้ร่างกายใช้

เนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ ในร่างกายต้องการกลูโคสเพื่อเป็นวัตถุในการให้พลังงานและสารประกอบที่สำคัญอื่นๆ มีอวัยวะบางส่วน เช่น สมองในวันหนึ่งๆ ต้องการกลูโคส 110-130 กรัม การที่หัวใจทำงานได้ก็ต้องอาศัยกลูโคสมาทดแทนพลังงานที่สูญเสียไป ผลการทดลองหัวใจสัตว์นอกร่างกาย พบว่ากลูโคสมีฤทธิ์กระตุ้นหัวใจของสัตว์ที่ทดลอง นอกจากนี้ไตและเม็ดเลือดแดงก็ต้องการกลูโคสมาเป็นอาหาร อวัยวะภายในอื่นๆ ถ้าขาดกลูโคสก็สามารถใช้กรดไขมัน (Fatty acid) มาเป็นแหล่งพลังงานได้

กลูโคสนอกจากเป็นแหล่งอาหารที่จำเป็นของเซลล์ เนื้อเยื่อ และอวัยวะภายในแล้ว ยังทำให้กัยโคเจน (Glycogen) ในตับเพิ่มขึ้น ทำให้การเผาผลาญ (Metabolism) ของเนื้อเยื่อดีขึ้น ขณะที่น้ำตาลในเลือดลดน้อยลง กลูโคสจะเป็นสารที่กระตุ้นการทำงานของหัวใจได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้กลูโคสยังสามารถทำให้ร่างกายมีความต้านทานต่อโรคติดต่อได้ด้วย ดังนั้นในการรักษาโรคกลูโคสจึงถูกใช้เป็นยารักษาโรคได้อย่างกว้างขวาง

น้ำตาลที่กินเป็นประจำมีน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลกรวด ซึ่งทำมาจากอ้อยหรือพืชผักที่มีรสหวานอย่างอื่น น้ำตาลทรายแดงมักมีสีน้ำตาลเพราะมีสาร Molasses, Chlorophyll, Xanthophyll, Carotene และเหล็ก เป็นต้น สำหรับน้ำตาลทรายขาวนั้นได้ผ่านกระบวนการฟอกทางเคมี และแยกสิ่งสกปรกที่เจือปนอยู่ออก ทำให้มีสีขาวและบริสุทธิ์กว่า แต่ถ้าพูดถึงในแง่คุณค่าทางโภชนาการแล้วจะมีคุณค่าน้อยกว่าน้ำตาลทรายแดง ทั้งนี้เพราะสารบางอย่างจะลดน้อยลง

เช่น ในน้ำตาลทรายแดง 1 มก. จะมีแคลเซียม 450 มก. ซึ่งมากเป็น 3 เท่าของน้ำตาลทรายขาว มีเหล็ก 20 มก. มากกว่าน้ำตาลทรายขาว 2 เท่า นอกจากนี้ยังมีสารอื่นๆ มากกว่าน้ำตาลทรายขาว ในน้ำตาลทรายหรือน้ำผึ้ง ฟรุคโตส (Fructose) มีรสหวานที่สุด นอกจากนี้ในผลไม้อื่นๆ ก็มีฟลุคโตสเป็นจำนวนมาก

ในการย่อยและการเผาผลาญในร่างกาย ฟลุคโตสไม่ต้องใช้อินซูลิน ดังนั้นฟลุคโตสจึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน และแบคทีเรียในปากจะไม่หมัก (Ferment) กับฟลุคโตส จึงเหมาะสำหรับเป็นอาหารของคนที่ฟังผุ

ประโยชน์ของน้ำตาล

น้ำตาลทรายแดง มีคุณสมบัติร้อน รสหวาน มีสรรพคุณบำรุงพลัง แก้ปวด ทำให้เลือดไหลเวียนสะดวก สตรีในระหว่างมีประจำเดือนถูกความเย็น มีอาการปวดประจำเดือน ปวดเอวหรือท้องน้อย หรือประจำเดือนเป็นลิ่ม ให้ดื่มน้ำผสมน้ำตาลทรายแดงอุ่นๆ สักแก้ว จะทำให้สบายขึ้น

น้ำตาลทรายขาว และน้ำตาลทรายกรวด มีสรรพคุณดับร้อน ถอนพิษ แก้อักเสบ มีอาการเจ็บคอ ปากเป็นแผล ไอมีเสมหะเหลือง นอกจากนี้ น้ำเชื่อม (จากน้ำตาลทรายขาว) ยังใช้รักษาบาดแผลเน่าเปื่อยได้ ทั้งนี้เพราะน้ำเชื่อมสามารถเปลี่ยนสภาพกรดและด่างบริเวณปากแผล ทำให้เซลล์ผิวหนังกระตุ้น การไหลเวียนของโลหิตจะดีขึ้น และยังเป็นอาหารที่ถูกนำไปหล่อเลี้ยงผิวหนังบริเวณนั้นด้วย ทำให้เชื้อโรคไม่สามารถเจริญเติบโตได้ บาดแผลก็จะหายเร็วขึ้น

การกินน้ำตาลทรายมากเกินไปจะให้โทษ เช่น ทำให้อ้วน ทำให้หลอดเลือดหัวใจตีบ การย่อยอาหารไม่ดี กรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป เป็นโรคเบาหวาน และทำให้ฟันผุ ฯลฯ สำหรับสาเหตุของโรคเบาหวานนั้น มีบารายที่เกี่ยวข้องกับการกินน้ำตาลทรายมากเกินไป ทั้งนี้เพราะการกินน้ำตาลทรายมากเกินจะทำให้ต้องใช้อินซูลินมากเกินไป ถ้ากินระยะนานก็สามารถทำให้เกิดโรคเบาหวานได้

การกินน้ำตาลทรายจะทำให้เบื่ออาหาร เพราะการกินน้ำตาลทรายมากจะทำให้วิตามินบีในร่างกายถูกใช้ไปมาก เมื่อปริมาณของวิตามินบีลดน้อยลง ก็จะทำให้กินอาหารน้อยลง น้ำลายและน้ำย่อยลดน้อยลง ทำให้เบื่ออาหารมากขึ้น

ขณะเดียวกัน การที่มีน้ำตาลอยู่ในกระเพาะอาหารมาก ทำให้สภาพกรดในกระเพาะอาหารและลำไส้เพิ่มมากขึ้น กรดมากกว่าปกติ เกิดการหมัก (Fermentation) ในลำไส้ทำให้ไม่สบายท้อง มีผู้เชื่อว่าการกินน้ำตาลมากเกินไป จะมีผลต่อการเผาผลาญ (Metabolism) แคลเซี่ยม ถ้าปริมาณน้ำตาลสูง 16-18% ของอาหารที่กิน จะทำให้การเผาผลาญของแคลเซียมในร่างกายเกิดความสับสน

ผลจากการวิจัยพบว่าโรคฟันผุ มีส่วนเกี่ยวข้องกบการกินน้ำตาล เมื่อกินน้ำตาลจะทำให้สภาพของกรดในปากเพิ่มขึ้น สำหรับผู้ที่มีอายุมาก จะรู้สึกว่ามีรสเปรี้ยว Bacillus acidi lactici เป็นแบคทีเรียที่ชอบอาศัยและเจริญเติบโตที่บริเวณแอ่ง ร่องฟัน หรือซอกฟันที่มีสภาพเป็นกรด ทำให้แคลเซียมในฟันหลุดและเกิดฟันผุได้ หรือที่เรียกว่าแมงกินฟันนั่นเอง

แม้จะไม่มีน้ำตาล ร่างกายของคนเราก็ได้รับอาหารเพียงพอแล้ว ทั้งนี้เพราะอาหารที่เรากินนั้นมีปริมาณเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ปริมาณของน้ำตาลที่ร่างกาย ต้องการในวันหนึ่งๆ ไม่ควรเกิน 50 กรัม (หมายถึงกินติดต่อกันนานๆ ) มีผู้ใหญ่บางคนรักเด็กมาก มักซื้อลูกกวาดให้เด็กกินเป็นประจำ จะทำให้เด็กกินอาหารน้อยลง ขาดธาตุอาหาร ทำให้ฟันเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การอมลูกกวาดก่อนนอนจะทำให้ฟันผุ จึงควรระวัง

 

ที่มา: www.doctor.or.th

]]>
https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%9e%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a2/feed/ 0
อุตสาหกรรมน้ำตาลปี 68 แนวโน้มขยายตัวดี ผลผลิตพุ่ง 20% ดันโรงงานกำไรเพิ่ม https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%95%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%9b%e0%b8%b5-68-%e0%b9%81%e0%b8%99%e0%b8%a7/ https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%95%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%9b%e0%b8%b5-68-%e0%b9%81%e0%b8%99%e0%b8%a7/#respond Wed, 01 Jan 2025 02:00:59 +0000 https://www.csdlabservices.com/?p=3278
ที่มา: btimes.biz

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) คาดว่ารายได้ของอุตสาหกรรมน้ำตาลในปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวดี โดยมีปัจจัยหนุนจากปริมาณผลผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ซึ่งช่วยหักล้างผลของราคาที่มีแนวโน้มลดลง ปริมาณผลผลิตน้ำตาลไทยในปีการผลิต 67/68 มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น 20.5% จากปีการผลิต 66/67 มาอยู่ที่ 10.6 ล้านตัน ตามปริมาณอ้อยเข้าหีบ ที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 96.7 ล้านตัน ซึ่งเป็นผลจากผลผลิตต่อไร่ และพื้นที่เพาะปลูกที่มีแนวโน้มฟื้นตัว จากปัญหาภัยแล้งที่คลี่คลาย

ในขณะที่ราคาส่งออกน้ำตาลโดยเฉลี่ยในปี 2568 จะปรับตัวลดลง 2.8%YOY มาอยู่ที่ 561.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน สอดคล้องกับราคาน้ำตาลทรายดิบรวมพรีเมียม ที่บริษัทอ้อยและน้ำตาลไทยทำได้ (ใช้อ้างอิงราคาส่งออกของโรงงานน้ำตาลอื่น ๆ) ที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง 3.1% จากฤดูกาลการผลิตที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 23.0 เซนต์ต่อปอนด์ เนื่องจากแม้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 ของปี 2567 เป็นต้นไป ราคาน้ำตาลโลกจะมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงกลางปี 67 จากภาวะขาดดุลของน้ำตาลในตลาดโลก แต่ระดับราคาจะยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าราคาน้ำตาลโลกในช่วงปลายปี 2566 และต้นปี 2567 ซึ่งเป็นช่วงเวลาการทำราคาน้ำตาลของฤดูกาลการผลิต 66/67

สำหรับมูลค่าการส่งออกน้ำตาลปี 2568 คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 28.7%YOY มาอยู่ที่ 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปริมาณการส่งออกที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น 32.4%YOY มาอยู่ที่ 6.5 ล้านตัน ในขณะที่มูลค่าตลาดน้ำตาลในประเทศ จะอยู่ที่ 5.6 หมื่นล้านบาท ขยายตัว 1.0%YOY จากปริมาณการบริโภคในประเทศที่มีแนวโน้มขยายตัวตามการเติบโตของเศรษฐกิจไทย

* “ศก.โลก-สภาพอากาศรวน” ความเสี่ยงของอุตสาหกรรมน้ำตาลปีนี้

SCB EIC มองว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมน้ำตาลในปี 2568 ยังต้องเผชิญความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลก และสภาพภูมิอากาศสุดขั้ว โดยภาวะเศรษฐกิจโลก จะส่งผลกระทบต่อความต้องการบริโภคน้ำตาลโลก ซึ่งหากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่ชะลอลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ก็จะส่งผลให้ความต้องการบริโภคน้ำตาลโลกเติบโตต่ำกว่าที่คาด ซึ่งจะส่งผลให้ราคาส่งออกน้ำตาล ลดลงมากกว่าที่คาด

ในขณะที่ความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ และปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ จะส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตอ้อย ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยหากบราซิล ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำตาลมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก เผชิญปัญหาภัยแล้งรุนแรงน้อยกว่าที่คาด ก็จะทำให้ราคาส่งออกน้ำตาลปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาด ในขณะเดียวกัน หากไทยเผชิญกับความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศในช่วงเปิดหีบ (ธ.ค.67 – เม.ย.68) ก็อาจจะทำให้ผลผลิตน้ำตาลปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด

ในระยะต่อไป อุตสาหกรรมน้ำตาลยังต้องเผชิญกับความท้าทายจากนโยบาย และมาตรการเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ กระแสความยั่งยืน และเทรนด์รักสุขภาพของผู้บริโภค โดยมาตรการต่าง ๆ เช่น มาตรการการค้าระหว่างประเทศ การเก็บภาษีคาร์บอน จะทำให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจน้ำตาลปรับตัวเพิ่มขึ้น

ในขณะที่เมกะเทรนด์ความยั่งยืน (Sustainability) จะทำให้ผู้บริโภคหรืออุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ใช้น้ำตาลเป็นวัตถุดิบ มีแนวโน้มที่จะหันมาให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลมากขึ้นในอนาคต ส่วนกระแสรักสุขภาพ จะส่งผลให้ผู้บริโภคที่ใส่ใจการรักษาสุขภาพ หันมาบริโภคสินค้าที่ปราศจากน้ำตาลมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการบริโภคน้ำตาลปรับตัวลดลง

* สมรภูมิการแข่งขันของธุรกิจน้ำตาลทราย

SCB EIC อุตสาหกรรมน้ำตาลไทย มีอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดในระดับสูง ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดกระจุกตัวอยู่กับผู้ประกอบการเพียงไม่กี่ราย อุตสาหกรรมน้ำตาล ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดจากภาครัฐ โดยผู้ที่จะสามารถดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายได้ จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขต่าง ๆ ที่กำหนดขึ้นโดยภาครัฐ เช่น จุดที่ตั้งโรงงานต้องห่างจากโรงงานน้ำตาลที่ได้รับใบอนุญาตไว้แล้วไม่น้อยกว่า 50 กิโลเมตร หรือต้องเตรียมปริมาณอ้อยเข้าสู่โรงงานไม่น้อยกว่า 50% ของกำลังการผลิต ส่งผลให้การเข้ามาแข่งขันของผู้ประกอบการรายใหม่เป็นไปได้ยาก

นอกจากนี้ การเข้ามาประกอบธุรกิจน้ำตาลในไทยของบุคคลต่างด้าว ก็จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และการนำเข้าน้ำตาลจะต้องได้รับการอนุมัติจากภาครัฐ ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยไม่ต้องเผชิญการแข่งขัน ทั้งจากผู้เล่นต่างชาติ และผู้เล่นรายใหม่ โดยในปีการผลิต 2566/2567 มีโรงงานน้ำตาลเปิดหีบผลิตน้ำตาลจำนวน 57 โรงงาน (ปีการผลิต 67/68 จะมีโรงงานเปิดเพิ่มอีก 1 โรงงาน) โดยกว่า 75% ของโรงงานทั้งหมดหรือ 43 โรงงาน อยู่ภายใต้การดำเนินงานของ 13 กลุ่มบริษัท ในขณะที่อีก 14 โรงงานเป็นโรงงานอิสระ

ซึ่งในปีการผลิต 66/67 กลุ่มผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ 5 อันดับแรก ครองส่วนแบ่งตลาดปริมาณการผลิตน้ำตาลรวมกันสูงถึงราว 54% โดยกลุ่มมิตรผล มีส่วนแบ่งตลาดมากเป็นอันดับ 1 (23.9%) ตามมาด้วยกลุ่มไทยรุ่งเรือง (9.1%) โคราช (8.9%) ท่ามะกา หรือ KSL (6.4%) และไทยเอกลักษณ์หรือ KTIS (5.8%) ในขณะที่น้ำตาลครบุรี (KBS) และน้ำตาลบุรีรัมย์ (BRR) มีส่วนแบ่งตลาด 4.6% และ 3.1% ตามลำดับ

โรงงานน้ำตาล จะเน้นการแข่งขันในด้านการจัดหาวัตถุดิบอ้อยเป็นหลัก โดยปริมาณอ้อยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้การแข่งขันลดลง ผลผลิตน้ำตาล และผลพลอยได้สูงขึ้น ส่งผลดีต่อกำไรของผู้ประกอบการในปี 2568 ในปัจจุบันอุตสาหกรรมน้ำตาลมีกำลังการผลิตมากกว่าปริมาณอ้อยในประเทศ ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องแข่งขันกันจัดหาอ้อยมาป้อนโรงงานให้ได้มากที่สุด เพื่อลดต้นทุนในการผลิตต่อหน่วยลง

โดยความรุนแรงในการจัดหาอ้อย จะขึ้นอยู่กับปริมาณผลผลิตอ้อยในแต่ละปี ซึ่งในปีการผลิตที่ผ่านมา ปริมาณอ้อยปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคกลาง และภาคเหนือ ส่งผลให้การแข่งขันมีความรุนแรง ซึ่งหนึ่งในแนวทางที่ผู้ประกอบการใช้ในการจัดหาอ้อย (นอกจากการทำสัญญาซื้อขายอ้อยล่วงหน้ากับชาวไร่อ้อย) คือ การให้ราคารับซื้ออ้อยที่สูงกว่าราคาอ้อยขั้นต้นที่ถูกกำหนด โดยแนวทางดังกล่าวประกอบกับผลผลิตน้ำตาลและผลพลอยได้ที่ลดลง จะมีส่วนทำให้กำไรของโรงงานน้ำตาลปรับตัวลดลง

ซึ่งจากข้อมูลของผู้ประกอบการธุรกิจน้ำตาลในตลาดหลักทรัพย์ พบว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 กำไรสุทธิและอัตรากำไรสุทธิของผู้ประกอบการลดลง 19.1%YOY และ 0.8 percentage points ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ผลผลิตอ้อยที่จะเพิ่มขึ้นในปีการผลิต 67/68 จะทำให้การแข่งขันลดลง ผลผลิตน้ำตาลและผลพลอยได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อกำไรของผู้ประกอบการ

ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดยังมีการแข่งขันในด้านอื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแบรนด์ การยกระดับคุณภาพสินค้า การพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพ เช่น น้ำตาลแคลอรีต่ำ และการมุ่งสู่ความยั่งยืน เช่น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และงดรับซื้ออ้อยไฟไหม้ ดังนั้น กลุ่มบริษัทที่สามารถสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเกษตรกร สร้างแบรนด์ มีประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาลสูง มีคุณภาพสินค้าที่ดี และตอบโจทย์ผู้บริโภค และมีการดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล จะประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้

 

ที่มา: www.ryt9.com

]]>
https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%95%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%9b%e0%b8%b5-68-%e0%b9%81%e0%b8%99%e0%b8%a7/feed/ 0
โลหะหนัก คืออะไร ? https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b9%82%e0%b8%a5%e0%b8%ab%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%81-%e0%b8%84%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8%b0%e0%b9%84%e0%b8%a3/ https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b9%82%e0%b8%a5%e0%b8%ab%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%81-%e0%b8%84%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8%b0%e0%b9%84%e0%b8%a3/#respond Wed, 01 Jan 2025 02:00:19 +0000 https://www.csdlabservices.com/?p=3272
ที่มา: www.denetim.com

โลหะหนัก (Heavy Metals)

โลหะหนัก หมายถึง โลหะที่มีความถ่วงจําเพาะมากกว่าน้ํา 5 เท่าขึ้นไป ได้แก่ ดีบุก สังกะสี ทองแดง ตะกั่ว
สารหนู ปรอท เป็นสารที่มีอัตราการสลายตัวค่อนข้างช้า ทําให้สะสมอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานเป็นมลพิษทางน้ํา
มนุษย-จะรับโลหะหนักเข้าสู่ร่างกายโดยการบริโภค น้ํา พืชน้ํา สัตว-น้ํา เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา สาหร่าย เป็นต้น จาก
การกินตามห่วงโซ่อาหาร โลหะหนักเป็นอันตรายในอาหาร (food hazard) ประเภทอันตรายทางเคมี
(chemical hazard) จึงเกิดการสะสมโลหะหนักในเนื้อเยื่อสัตว- และเนื้อเยื่อพืช โดยสะสมสารมลพิษเพิ่มขึ้น
ตามลําดับขั้นการบริโภค

ความเป็นพิษและผลของความเป็นพิษของโลหะหนักในสิ่งมีชีวิต
โลหะหนักมีหลายชนิดแต่ชนิดที่ถูกกําหนดไว้ในมาตรฐานอาหารส่วนใหญ่จะมี 3 ชนิด ได้แก่ ปรอท
แคดเมียม และตะกั่ว

ปรอท (Hg)
เป็นโลหะหนักที่ของเหลวระเหยเป็นไอได้ง่ายในภาวะปกติ ลักษณะภายนอกมีสีเงินสามารถไหลได้
ปรอทพบมากในแหล่งที่มีการเผาไหม้น้ํามันเชื้อเพลิง โลหะ โรงงานผลิตปูนซีเมนต- ในอุตสาหกรรมที่มีการใช้
สารประกอบของปรอท นอกจากนี้ยังใช้ในวงการแพทย์- เช่น เป็นสารอุดฟัน ไอปรอทที่เข้าสู่ร่างกาย จะถูกดูดซึม
เข้าสู่ระบบหมุนเวียนโลหิตทันที และกระจายไปยังสมองและส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้รวดเร็ว การได้รับสาร
ปรอทสะสมเป็นเวลานานจะทําให้มีอาการมือ และใบหน้าเกิดอาการบวมและเจ็บ บางคนอาจเกิดอาการเหน็บชา
บางส่วนจนเป็นอัมพาต โรคที่เกิดจากปรอท เรียกว่า “โรคมินามาตะ”

ตะกั่ว (Pb)
เป็นโลหะหนักมีสีเทาเงินหรือแกมน้ําเงิน ตะกั่วถูกใช้ในการทําอุปกรณ-อิเล็คโทรนิคและคอมพิวเตอร- ซึ่ง
ทําให้เกิดการปลดปล่อยตะกั่วและสารประกอบของตะกั่วในรูปของสารมลพิษออกสู่สภาวะแวดล้อม ทําให้มีการ
ปนเปื้อนของตะกั่วทั้งในดิน น้ํา และอากาศ ตะกั่วสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทาง คือ ทางอาหาร ทางการหายใจ
และทางผิวหนัง เมื่อสารตะกั่วเข้าสู่ร่างกาย ส่วนใหญ่จะจับยึดอยู่กับเม็ดเลือดแดงจะไปลดการสร้าง heme ซึ่ง
เป็นองค์-ประกอบที่สําคัญของเม็ดเลือดแดงโดยไปยับยั้งเอ็นไซม์-ที่เกี่ยวกับการสร้าง heme นอกจากนี้ ตะกั่วยังมี
ผลต่อตับ หัวใจและเส้นเลือด ภาวะเจริญพันธุ- โครโมโซม และก่อให้เกิดโรคมะเร็ง และความพิการแต่กําเนิดอีก
ด้วย

แคดเมียม (Cd)
เป็นโลหะมีสีเงิน มีอยู่น้อยตามธรรมชาติ โดยทั่วไปแคดเมียมที่ปนเปื้อนอยู่ในสิ่งแวดล้อมจะพบในแหล่ง
ทําเหมืองสังกะสี และตะกั่ว ในอุตสาหกรรม ยาสูบและบุหรี่ พลาสติกและยาง นอกจากนี้ยังนิยมใช้เป็นวัตถุดิบ
ในอุตสาหกรรมผลิตแบตเตอรี่ อุปกรณ-ไฟฟ้า โลหะผสม อะไหล่รถยนต- แคดเมียมที่ปนเปื้อนในน้ํา อาหาร เมื่อ
เข้าสู่ร่างกายจะถูกดูดซึมในกระเพาะอาหาร แล้วแพร่กระจายไปที่ตับ ม้ามและลําไส้ และสะสมเพิ่มขึ้นใน
ปริมาณสูงจะทําให้เกิดมะเร็ง ไตทํางานผิดปกติ นอกจากนี้ยังทําให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง ปวดกระดูกสันหลัง
แขนขา ซึ่งจะทําให้ไตพิการได้ โรคที่เกิดจากพิษของแคดเมียมเรียกว่า “โรคอิไต-อิไต”

การได้รับแคดเมียมจํานวนมากอาจทําให้เกิดพิษฉับพลันได้ แต่ส่วนใหญ่โรค
ที่เกิดจากแคดเมียมมักเป็นชนิดเรื้อรัง โดยการได้รับแคดเมียมติดต่อกันเป็นเวลานาน โรคที่เกิดอาจแบ่งเป็น
กลุ่มได้ดังนี้

1. โรคปอดเรื้อรัง การได้รับแคดเมียมนานๆ และในปริมาณมากโดยเฉพาะจากการหายใจ จะทําให้เกิด
การอุดตันภายในปอด ซึ่งเป็นเพราะมีการอักเสบของหลอดลม มีพังผืดจับในทางเดินหายใจส่วนล่าง และมี
การทําลายของถุงลมซึ่งจะกลายเป็นโรคถุงลมโป่งพองในที่สุด ผู้ที่มีความเสี่ยงมากคือคนทํางานกับผงแคดเมียม
โดยตรง เช่น โรงงานแบตเตอรี่ขนาดเล็ก

2. โรคไตอักเสบ จะแสดงออกโดยมีการอักเสบของไต โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ท่อในไตซึ่งจะพบแคดเมียม
ในปัสสาวะสูง มีโปรตีน กลูโคสสูงในปัสสาวะ อาจเป็นไตวายได้ในที่สุด

การดูแลสุขภาพร่างกายในเชิงป้องกันไว้ดีกว่าแก้ (ไข) หากปล่อยเจ็บป่วยก่อนค่อยมารักษาแพทย์
ทางเลือกถือว่าช้าเกินไป เพราะกว่าที่ร่างกายจะเจ็บป่วยจนแสดงผลปรากฏชัดนั้นต้องสะสมความเจ็บไข้ไว้
เป็นแรมปี ดังนั้น หากเราสามารถป้องกันด้วยการดูแลรักษาสุขภาพ ทั้งอาหาร อากาศ อารมณ์ ออกกําลัง
กาย จะเป็นเรื่องที่ดีในระยะยาว และไม่ต้องเสียงบประมาณในการรักษาที่แพงๆ อีกด้วย เพราะการที่จะอยู่
อย่างไรให้ชีวิตยืนยาวและแข็งแรงนั้น หากเราดูแลดี ให้เวลาดี ใช้เวลาบ่มเพาะร่างกายเป็นอย่างดี ก็สามารถ
มีสุขภาพที่ดีได้ไม่ยากเกินไป

ที่มา: www4.fisheries.go.th

]]>
https://www.csdlabservices.com/2025/%e0%b9%82%e0%b8%a5%e0%b8%ab%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%81-%e0%b8%84%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8%b0%e0%b9%84%e0%b8%a3/feed/ 0
น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายแดง ต่างกันอย่างไร https://www.csdlabservices.com/2024/%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%ad%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b8%98%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b4-%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95/ https://www.csdlabservices.com/2024/%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%ad%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b8%98%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b4-%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95/#respond Mon, 01 Jul 2024 02:00:59 +0000 https://www.csdlabservices.com/?p=3228
ที่มา: www.mitrpholmodernfarm.com

เชื่อว่าหลายคน ยังไม่สามารถแยกความแตกต่างของน้ำตาลแต่ละชนิดได้ ไม่ว่าจะเป็น น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ น้ำตาลทรายขาว และน้ำตาลทรายแดง แม้ว่าน้ำตาลจะเป็นเครื่องปรุงรสหวานคู่ครัวไทยมานานที่ใช้น้ำตาลปรุงอาหารทั้งคาวหวานนั้น วันนี้เราจะมาสร้างความกระจ่างเรื่องชนิดของน้ำตาลมาเล่าสู่กันฟังค่ะ

น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ และน้ำตาลทรายขาว มีที่มาจากลำต้นของอ้อยสดที่ผ่านกระบวนการคัดสรรพันธุ์อ้อย และผ่านการปลูกแบบชีววิธีเหมือนกัน  ให้รสชาติหวานใกล้เคียงกัน เรียกว่าสามารถใช้ทำอาหารคาวหวานและเครื่องดื่มทดแทนกันได้หลากหลายเมนู แต่สิ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือ “สี” ของน้ำตาลทั้ง 2 ชนิด เพราะเกิดจากกระบวนการผลิตที่มีขั้นตอนแตกต่างกัน

น้ำตาลทรายขาว จะผ่านกระบวนการต้ม เคี่ยว ปั่นแยกผลึกน้ำตาล และทำให้บริสุทธิ์หลายขั้นตอนจนใสสะอาด มีเกล็ดเล็ก เม็ดละเอียด เมื่อนำมาละลายแล้วจะใสหรือมีตะกอนขาวขุ่นเล็กน้อย แม้จะใช้ได้หลากเมนู แต่เหมาะกับเมนูที่ไม่ต้องการให้สีสันของอาหารเปลี่ยนไป เช่น วุ้นกะทิ น้ำมะพร้าวปั่น เป็นต้น

ส่วนน้ำตาลอ้อยธรรมชาติ จะผ่านกระบวนการต้ม เคี่ยว ปั่นแยกผลึกเหมือนน้ำตาลทรายขาว แต่ไม่ได้ผ่านการกรองสีหลายขั้นตอน ทำให้ยังคงมีสีน้ำตาลที่คงอยู่จากน้ำอ้อย และมีกลิ่นหอมหวานจากอ้อย มีขนาดเกล็ดน้ำตาลที่ใหญ่กว่าน้ำตาลทรายขาว และให้รสชาติที่หวานละมุนมากกว่า เหมาะกับเมนูที่ต้องการเพิ่มสีสันและกลิ่นหอมจากอ้อยธรรมชาติ

หลายครั้งที่เรามักจะสับสนถึงชื่อเรียกของน้ำตาลอ้อยธรรมชาติ ด้วยสี กลิ่น และลักษณะเกล็ดน้ำตาล บางคนก็เรียกน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลแดง น้ำตาลทรายสีรำ น้ำตาลทรายไม่ขัด เป็นต้น จนอาจทำให้สับสนกับน้ำตาลทรายแดงจริงๆ ซึ่งจริงๆ แล้วน้ำตาลทั้ง 2 ชนิด แม้จะเป็นน้ำตาลที่ได้มาจากน้ำอ้อยเหมือนกัน แต่ทั้งรูปลักษณ์ รสชาติ และกลิ่นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

น้ำตาลทรายแดง จะมีลักษณะเป็นผงละเอียดเหมือนเม็ดทราย ความชื้นสูง มีกลิ่นหอมเข้มเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รสชาติหวานน้อยกว่าน้ำตาลอ้อยธรรมชาติเล็กน้อย ใช้แต่งสีอาหารให้สวยงาม จึงมักจะถูกนำไปใช้กับอาหารหวานที่ต้องการความหนึบ ชุ่มฉ่ำอย่างบราวนี่ ซอฟท์คุกกี้ ฟรุ๊ตเค้ก บัวลอยน้ำขิง หรือนำมาโรยหน้าเฉาก๊วย เพิ่มความหอมหวาน

หวังว่าข้อมูลความแตกต่างของน้ำตาลดังกล่าวข้างต้น จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อย เพื่อให้ท่านสามารถนำน้ำตาลแต่ละประเภทไปบริโภคและปรุงอาหารได้อย่างเหมาะสม

ที่มา: www.mitrpholmodernfarm.com

]]>
https://www.csdlabservices.com/2024/%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%ad%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b8%98%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b4-%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95/feed/ 0
ประเทศไทย ส่งออกน้ำตาล อันดับ 3 ของโลก https://www.csdlabservices.com/2024/%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%a8%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a2-%e0%b8%aa%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5-%e0%b8%ad/ https://www.csdlabservices.com/2024/%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%a8%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a2-%e0%b8%aa%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5-%e0%b8%ad/#respond Mon, 01 Jul 2024 02:00:11 +0000 https://www.csdlabservices.com/?p=3219
ที่มา: www.longtunman.com
รู้ไหมว่า ประเทศผู้ส่งออกน้ำตาลรายใหญ่ 3 อันดับแรก ครองส่วนแบ่ง 64% ของมูลค่าการส่งออกทั้งโลก ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในนั้น
โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา ไทยส่งออกน้ำตาล ไปกว่า 108,940 ล้านบาท ตามหลังเพียงบราซิลและอินเดีย เท่านั้น
อุตสาหกรรมน้ำตาลไทย เป็นอย่างไร
ทำไม สามารถส่งออกได้เป็นอันดับ 3 ของโลก ?
ต้องบอกว่า น้ำตาลเป็นสินค้าที่ไทยส่งออก มาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยมีตลาดปลายทางหลักคือ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งวัตถุดิบของน้ำตาล จะมาจากอ้อยและหัวบีต แต่ในไทย มักใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบหลัก เพราะปลูกขึ้นในเขตเมืองร้อน ได้ง่ายมากกว่าต่อมาในช่วงสมัยรัชกาลที่ 3 ชาวจีนได้เข้ามาทำกิจการโรงงานน้ำตาลในไทยเป็นจำนวนมาก เพื่อส่งขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจน้ำตาลในไทย กลับเริ่มซบเซา เพราะราคาในตลาดโลกตกต่ำ ประกอบกับนโยบายรัฐในตอนนั้น ยังไม่เอื้อต่อธุรกิจน้ำตาลมากนักจนกระทั่งช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลไทยได้ส่งเสริมอุตสาหกรรมน้ำตาลอีกครั้ง ด้วยการตั้งบริษัทที่ผูกขาดโดยรัฐขึ้นมา เพื่อขาย นำเข้า และส่งออกน้ำตาลและค่อย ๆ เปิดโอกาสให้ธุรกิจเอกชน เข้ามาแข่งขันในธุรกิจน้ำตาล ทำให้เกิดโรงงานน้ำตาลผุดขึ้นในแต่ละภูมิภาค ตัวอย่างเช่น บริษัท น้ำตาลมิตรผล ผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของไทย ก็เริ่มเปิดโรงงานน้ำตาลของตัวเองในปี 2499แล้วประเทศไทย ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ส่งออกน้ำตาล อันดับ 3 ของโลก ได้อย่างไร ?
เหตุผลแรกเลย
ก็เพราะว่าเรามี “ผลผลิตต้นทางเป็นจำนวนมาก” ปัจจุบัน อ้อยถือเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตน้ำตาล ซึ่งในไทยมีเกษตรกรหลายแสนราย กระจายตัวในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง โดยมีการปลูกอ้อยมากถึง 11 ล้านไร่ และมีผลผลิตในทุกปีมากถึง 100 ล้านตัน ทำให้สามารถส่งเข้าโรงงานน้ำตาลได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ผลผลิตต่อไร่ของอ้อย ก็ยังสูงขึ้นต่อเนื่องจากในปี 2560 อยู่ที่ประมาณ 7,000 กิโลกรัมต่อไร่ เพิ่มเป็น 9,600 กิโลกรัมต่อไร่ ในปี 2565 ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่บริษัทน้ำตาลในไทย วิจัยและส่งเสริมพันธุ์อ้อยใหม่ ๆ ไปให้เกษตรกร รวมทั้งมีสภาพอากาศที่เหมาะสมในช่วงที่ผ่านมาอีกด้วย เรื่องต่อมาคือ “อุตสาหกรรมน้ำตาลในไทยครบวงจร” ไล่ตั้งแต่เกษตรกรไร่อ้อย ที่สามารถปลูกอ้อยได้อย่างต่อเนื่อง แล้วเรายังมีธุรกิจหีบอ้อย และโรงงานน้ำตาล อีกกว่า 57 แห่งทั่วประเทศ และต้องบอกว่า ผลผลิตอ้อยที่เหลือจากการผลิตน้ำตาล เช่น กากน้ำตาล และชานอ้อย ยังมีการนำไปต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มเติม กากน้ำตาล สามารถผลิตไปเป็นเอทานอล เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมพลังงาน ส่วนชานอ้อย นำไปผลิตเป็นไฟฟ้า เพื่อขายหรือใช้ในโรงงานได้อีกด้วย พอเป็นแบบนี้ โรงงานน้ำตาลในไทย จึงสามารถผลิตได้ทั้งน้ำตาล เอทานอล และไฟฟ้าในเวลาเดียวกัน ทำให้คุ้มค่ากับการลงทุนในที่เดียว ซึ่งช่วยให้มีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง แถมยังสามารถรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรได้ทุกช่วงเวลา และที่สำคัญ ผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลในไทย ยังมองหาลู่ทางในการทำตลาด และส่งออกไปยังต่างประเทศอยู่เสมอ เพื่อสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ
ส่วนเหตุผลสุดท้าย คือ
“การสนับสนุนจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง” อย่างที่พูดไปตอนต้นว่า อุตสาหกรรมน้ำตาลในไทยถูกให้ความสำคัญ เพราะเป็นหนึ่งในสินค้าหลัก ที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ แถมยังเป็นสินค้าหลัก ที่ต้องใช้กับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในประเทศกว่า 39% ของผลผลิตน้ำตาลทั้งหมดในประเทศ ทำให้รัฐบาลต้องสนับสนุนธุรกิจน้ำตาลอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น การประกันราคาอ้อย การตั้งหน่วยงานเพื่อดูแลการวิจัยและพัฒนา รวมไปถึงรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำตาล ผ่านกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย มาถึงตรงนี้ คงเห็นแล้วว่า น้ำตาลเป็นอุตสาหกรรมที่อยู่กับประเทศไทยมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากทางภาครัฐ โดยไทย เป็นประเทศที่ปลูกวัตถุดิบหลักในการผลิตน้ำตาล อย่าง “อ้อย” เป็นจำนวนมาก และให้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้นเรื่อย ๆ และมีอุตสาหกรรมครอบคลุม ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ แถมสามารถนำผลผลิตไปสร้างมูลค่าเพิ่มได้อีกหลายทาง รวมถึงผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม มีแรงจูงใจในการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ  จึงทำให้เราเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกน้ำตาลรายใหญ่ของโลก นั่นเอง
ซึ่งในปี 2565 ผู้ส่งออกน้ำตาล 3 อันดับแรก มาจาก
– บราซิล 386,562 ล้านบาท
– อินเดีย 200,309 ล้านบาท
– ไทย 108,940 ล้านบาท
โดยไทยครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 10% ของตลาดโลก เท่ากับว่า เรามีอิทธิพลต่อราคาน้ำตาลในตลาดโลกอยู่ไม่น้อยอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญของอุตสาหกรรมน้ำตาลคือ ปัญหาเรื่องฝุ่น PM2.5 ที่มีสาเหตุจากการเก็บเกี่ยวอ้อยไฟไหม้ เพื่อป้อนเข้าสู่โรงงานน้ำตาล การเก็บเกี่ยวอ้อยในปัจจุบัน ยังเน้นการใช้แรงงานมากกว่ารถเกี่ยวอ้อย เพราะรถเกี่ยวอ้อยมีราคาสูง และไม่เหมาะกับบางพื้นที่ แต่แรงงานก็มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้การเผาอ้อยเพื่อเก็บเกี่ยว สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งก็ทำให้เกิดปัญหาฝุ่น PM2.5 ตามมา และแม้จะมีการกำหนดราคารับซื้ออ้อยสด ให้สูงกว่าอ้อยไฟไหม้แล้วก็ตาม แต่เหมือนว่าปัญหาเรื่องฝุ่น ก็ยังเกิดขึ้น และทำร้ายคนไทยในทุก ๆ ปี..
ที่มา: https://www.longtunman.com/48644
]]>
https://www.csdlabservices.com/2024/%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%a8%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a2-%e0%b8%aa%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5-%e0%b8%ad/feed/ 0
หลักการใช้งานเครื่องมีอวิเคราะห์ Inductively Coupled Plasma Optical Emission Spectrometer (ICP-OES) https://www.csdlabservices.com/2024/%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%83%e0%b8%8a%e0%b9%89%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%a1%e0%b8%b5/ https://www.csdlabservices.com/2024/%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%83%e0%b8%8a%e0%b9%89%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%a1%e0%b8%b5/#respond Mon, 17 Jun 2024 06:41:46 +0000 https://www.csdlabservices.com/?p=3172

หลักการใช้งานเครื่องมีอวิเคราะห์ Inductively Coupled Plasma Optical Emission Spectrometer (ICP-OES)

ICP-OES เป็นเทคนิคสำหรับวิเคราะห์ เชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ ของธาตุต่าง ๆ ซึ่งใช้สามารถวิเคราะห์ ตัวอย่างได้หลากหลายชนิด และสามารถวัดได้ที่ละหลายๆธาตุพร้อมกันซึ่งเป็นข้อดีที่แตกต่างจากเทคนิคของ AAS เทคนิคของ ICP-OES สามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ

1. Inductively Coupled Plasma (ICP) เป็นเทคนิคที่ใช้ผลิตพลาสมาที่ให้อุณหภูมิสูงโดยการปล่อยแก๊สอาร์กอนผ่านเข้าไปใน และ ที่ปลาย Torch ที่มีลักษณะเป็นท่อกลวง มีขดลวดทองแดงล้อมรอบ Torch ซึ่งต่อกับเครื่องส่งความถี่วิทยุ (RF generator) และเมื่อให้ RF generator ปล่อยความถี่วิทยุเข้าไปจะทำให้เกิดสนามแม่เหล็กที่ปลายของ Torch แล้วจะชักนำให้มีกระแสไฟฟ้า จากนั้นเมื่อทำให้เกิดการสปาร์ค(ด้วย Teslacoi) จะทำให้เกิดอิเล็กตรอนของอาร์กอนที่มีพลังงานสูง และอิเล็กตรอนอาร์กอนที่มีพลังงานสูงนี้จะชนกับอิเล็กตรอนของอาร์กอนอื่นต่อไปอีกกลายเป็นปฏิกิริยาลูกใซ่ทำให้เกิดเป็นพลาสมา

2. Optical Emission Spectrometer เป็นวิธีการวิเคราะห์โดยอาศัยหลักการทำให้สารเปลี่ยนสถานะจากสถานะพื้นไปยังสถานะกระตุ้น เพื่อให้ธาตุที่จะวิเคราะห์นั้นปล่งแสงหรือสเปกตรัมออกมาซึ่งสเปกตรัมที่ได้นั้นจะมีลักษณะเฉพาะตัว และอยู่ในช่วงของยูวี-วิสิเบิล ซึ่ง เค  รื่อง ICP-OES จะทำการวัดความเข้มของแสงที่สเปกตรัมนั้น

]]>
https://www.csdlabservices.com/2024/%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%83%e0%b8%8a%e0%b9%89%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%a1%e0%b8%b5/feed/ 0
คาดการณ์อุตสาหกรรมน้ำตาลปี 67 มีแนวโน้มขยายตัว แม้เจอภัยแล้ง https://www.csdlabservices.com/2024/%e0%b8%84%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%93%e0%b9%8c%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%95%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95/ https://www.csdlabservices.com/2024/%e0%b8%84%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%93%e0%b9%8c%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%95%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95/#respond Sat, 01 Jun 2024 02:00:51 +0000 https://www.csdlabservices.com/?p=3152
ที่มา: www.mitrpholmodernfarm.com

จากภัยแล้งที่ประเทศไทยประสบตั้งตีปี 2566 และคาดการณ์ว่าปี 2567 จะเจอภัยแล้งรุนแรง มิตรชาวไร่รวมถึงเกษตรกรชาวไร่ทั่วประเทศต่างวิตกกังวลกับสภาพอากาศที่แปรปรวน เพราะอาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรได้

ทั้งนี้ จากการคาดการณ์เกี่ยวกับอุตสาหกรรมน้ำตาล ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สัมพันธ์กับการผลิตอ้อยของมิตรชาวไร่ โดยมีผลคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมน้ำตาลในปี 67 ยังมีแนวโน้มขยายตัว โดยได้รับปัจจัยหนุนจากราคาที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ยังต้องจับตาความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง และนโยบายควบคุมการส่งออกน้ำตาลของอินเดีย โดยประเด็นสำคัญที่จะส่งผลต่อทิศทางอุตสาหกรรมน้ำตาลในปี 67 มีดังนี้

  • การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 67 จะยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการบริโภคสินค้าน้ำตาลในตลาดโลกยังคงมีแนวโน้มเติบโต อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้า ยังคงมีความเปราะบางสูง จากผลของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงมาก
  • นโยบายควบคุมการส่งออกน้ำตาลของอินเดีย จะส่งผลให้ราคาน้ำตาลโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นในปีหน้า เนื่องจากอินเดียเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลที่สำคัญของโลก ทั้งนี้ การดำเนินนโยบายควบคุมการส่งออกของอินเดีย ยังมีความไม่แน่นอนสูง จากกรอบเวลาและความเข้มงวดในการดำเนินนโยบายที่ไม่ชัดเจน
  • ปัญหาภัยแล้ง ปริมาณฝนที่น้อยกว่าค่าปกติในหลายพื้นที่ของไทยในปีนี้จากปรากฎการณ์เอลนีโญ จะสร้างความเสียหายให้กับผลผลิตอ้อยในฤดูกาลผลิต 2566/67 เนื่องจากอ้อยเป็นพืชที่ต้องการน้ำมากและพื้นที่เพาะปลูกอ้อยส่วนใหญ่ของไทย พึ่งพาน้ำฝนเป็นหลัก

SCB EIC หน่วยงานภายใต้ธนาคารไทยพาณิชย์คาดว่า รายได้ของอุตสาหกรรมน้ำตาลในปี 67 มีแนวโน้มขยายตัวเล็กน้อย โดยได้รับปัจจัยหนุนจากราคาที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยชดเชยปริมาณผลผลิตที่ลดลงค่อนข้างมาก โดยปริมาณผลผลิตน้ำตาลไทยในปีการผลิต 2566/67 มีแนวโน้มปรับตัวลดลง 20.9% มาอยู่ที่ 8.7 ล้านตัน ตามปริมาณอ้อยเข้าหีบของไทยที่คาดว่าจะลดลง 15.7% YOY มาอยู่ที่ 79.1 ล้านตัน ซึ่งเป็นผลจากผลผลิตต่อไร่ที่จะปรับตัวลดลงจากภาวะภัยแล้ง ทั้งนี้ พื้นที่ภาคกลาง และภาคเหนือ จะมีปริมาณผลผลิตอ้อยลดลงค่อนข้างมาก จากภาวะฝนแล้งที่รุนแรงกว่าภูมิภาคอื่น ๆ

อย่างไรก็ดี ต้องติดตามสถานการณ์การผลิต การส่งออก และความต้องการน้ำตาลในตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสภาพภูมิอากาศด้วย

 

ที่มา: www.mitrpholmodernfarm.com

]]>
https://www.csdlabservices.com/2024/%e0%b8%84%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%93%e0%b9%8c%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%95%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95/feed/ 0