Notice: Function _load_textdomain_just_in_time was called incorrectly. Translation loading for the limit-login-attempts-reloaded domain was triggered too early. This is usually an indicator for some code in the plugin or theme running too early. Translations should be loaded at the init action or later. Please see Debugging in WordPress for more information. (This message was added in version 6.7.0.) in /home/csdlabse/domains/csdlabservices.com/public_html/wp-includes/functions.php on line 6121

Notice: Function _load_textdomain_just_in_time was called incorrectly. Translation loading for the so-widgets-bundle domain was triggered too early. This is usually an indicator for some code in the plugin or theme running too early. Translations should be loaded at the init action or later. Please see Debugging in WordPress for more information. (This message was added in version 6.7.0.) in /home/csdlabse/domains/csdlabservices.com/public_html/wp-includes/functions.php on line 6121
ชานอ้อย คือ อะไร ? – www.csdlabservices.com

ชานอ้อย คือ อะไร ?

ที่มาของภาพ: https://healthandnice.com

ชานอ้อย คือ เศษเหลือของลำต้นอ้อยมีลักษณะเป็นเส้นใยที่หีบเอาน้ำอ้อยหรือน้ำตาลออกจากท่อนอ้อยแล้วเป็นวัสดุเศษเหลือทางการเกษตรจากโรงงานอุตสาหกรรมผลิตน้ำตาล

ประโยชน์ที่ได้จากชานอ้อย ได้แก่

1.ใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับผลิตไฟฟ้า

ชานอ้อยเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการหีบอ้อย   ชานอ้อยมีคุณสมบัติติดไฟง่าย ประกอบด้วยธาตุหลัก คือ คาร์บอน ไฮโดรเจน ออกซิเจน และไนโตรเจน มีค่าความร้อนต่ำของเชื้อเพลิง (Low Heating Value)  เหมาะสำหรับนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับผลิตไฟฟ้า

2.บรรจุภัณฑ์อาหาร

บรรจุภัณฑ์อาหารที่ทำจากเยื่อกระดาษชานอ้อยเป็นบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม ซึ่ง เป็นผลผลิตจากเทคโนโลยีชีวภาพที่นำวัสดุเหลือใช้อย่างชานอ้อยที่เหลือจากอุตสาหกรรมผลิตน้ำตาลมาใช้ เนื่องจากประเทศไทยเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของโลก ทำให้มีชานอ้อยที่เหลือจากการผลิตเป็นจำนวนมากจึงสามารถนำมาผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์สำหรับใส่อาหารทดแทนการใช้กล่องโฟมที่สร้างปัญหากับสิ่งแวดล้อมและมนุษย์ได้

โดยกระบวนการผลิตเริ่มจากการนำเยื่อกระดาษชานอ้อยไปผสมตีผ่านกระบวนการป้องกันน้ำรั่วซึมและขึ้นรูป เป็นบรรจุภัณฑ์ต่างๆ เช่น จาน ชาม ถาด ถ้วยน้ำ และกล่องพร้อมฝาปิด เป็นต้น โดยเมื่อนำบรรจุภัณฑ์จากชานอ้อยมาเปรียบเทียบกับกล่องโฟมจะเห็นว่าบรรจุภัณฑ์ชานอ้อยจะมีสีหม่นไม่ขาวสะอาดเหมือนกล่องโฟม เนื่องจากในกระบวนการผลิตจะไม่ใช้คลอรีนฟอกสีทำให้สีที่ได้ไม่ขาวสะอาดแต่จะมีการฆ่าเชื้อก่อนถึงมือ ผู้บริโภคที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส โดยในกระบวนการผลิตจะไม่เหลือของเสียจากการผลิตและสามารถนำกลับเข้าสู่ กระบวนการผลิตใหม่ได้ทั้งหมดและยังใช้เวลาในการย่อยสลายได้เองในธรรมชาติภายใน 30-45 วัน  ในขณะที่โฟมไม่สามารถย่อยสลายได้เอง ต้องสิ้นเปลืองพลังงานสร้างของเสียจากกระบวนการผลิตและกำจัด โดยบรรจุภัณฑ์ชานอ้อยผลิตจากธรรมชาติ 100% สามารถทนความเย็นและความร้อนสูงได้ตั้งแต่  -40 ถึง 220 องศาเซลเซียส จึงสามารถใช้กับการแช่แข็งหรือใช้เป็นภาชนะในเตาไมโครเวฟหรือเตาอบได้โดยไม่ก่อสาร คลอโรฟลูออโรคาร์บอน (CFC) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งเมื่อถูกความร้อนซึ่งต่างจากโฟมทั่วไปที่ผลิตภัณฑ์จากปิ โตรเคมีที่ต้องอาศัยการน้าเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ

ถึงแม้ว่าบรรจุภัณฑ์ชานอ้อยจะเป็นมิตรกับมนุษย์และ สิ่งแวดล้อมแต่ก็ยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมในบ้านเรา ขณะที่ประเทศในแถบยุโรป อเมริกา หรือญี่ปุ่นกลายเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมากกว่าโฟมเนื่องจากปลอดภัยต่อผู้บริโภคแต่มีราคาที่สูงกว่าโฟมประมาณ 2 เท่า สำหรับประเทศไทยยังไม่มีการสนับสนุนที่ชัดเจน หากมีการสนับสนุนให้ใช้บรรจุภัณฑ์ชานอ้อยมากขึ้นอาจทำให้ราคาของบรรจุภัณฑ์ถูกลงได้ (สถาบันไทยพัฒน์, 2554)

3.ปาร์ติเคิลบอร์ด

การผลิตปาร์ติเคิลบอร์ดส่วนใหญ่มักเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อใช้งานภายในอาคารมากกว่าใช้งานภายนอกอาคาร โดยเฉพาะการใช้งานในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และงานตกแต่งภายใน ซึ่งเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์วัสดุทดแทนไม้หรือแผ่นชิ้นไม้อัด เพราะสามารถใช้วัตถุดิบจากไม้หรือเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรที่ให้ชิ้นไม้หรือเส้นใยในการผลิต เช่น ชานอ้อยโดยผสมกับสารยึดติด สารเคลือบผิวกันซึม และ สารเติมแต่งอื่นๆ ผ่านกระบวนการอัดร้อนและทดสอบคุณสมบัติทางกายภาพและสมบัติทางกล เพื่อให้ตรงตามมาตรฐานอุตสาหกรรมเชิงพาณิชย์ที่กำหนดไว้

4.ถ่านชีวภาพ (Biochar)

ถ่านชีวภาพสามารถผลิตได้โดยใช้เคมีเชิงความร้อนจากวัตถุดิบประเภทอินทรีย์ ซึ่งชานอ้อยเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบที่ดีเนื่องจากมีองค์ประกอบของคาร์บอนสูง ซึ่งในปัจจุบันมีการนำไปใช้ในหลายๆ ด้าน ได้แก่ การเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดิน การใช้เป็นเชื้อเพลิง การใช้เป็นวัสดุดูดซับและการกักเก็บคาร์บอน เป็นต้น

 

ที่มา: https://healthandnice.com

 

Message us