ช่วงนี้ท่านผู้อ่านคงได้เห็นโฆษณาสี่สีเต็มหน้าใน นสพ.ไทยรัฐ ชิ้นหนึ่ง เป็นโฆษณาของ กลุ่มน้ำตาลมิตรผล ผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก ถือเป็นความภาคภูมิใจอีกบริษัทหนึ่งของคนไทย
โฆษณาชิ้นนี้สื่อสารด้วยข้อความง่ายๆ “หยุดเผา! ตัดอ้อยสด แล้วได้อะไร?” พร้อมกับข้อเสนอที่เร้าใจให้กับ เกษตรกรชาวไร่อ้อย ดังนี้ “ใบอ้อย” ขายได้ 1,000 บาท/ตัน เปิดรับซื้อตั้งแต่ 1 ธันวาคม 62-30 เมษายน 63 “อ้อยไฟไหม้” จะถูกหัก 30 บาท/ตัน และเฉลี่ยให้กับอ้อยสดทุกตัน พบเห็นการ “เผาอ้อยแจ้งเบาะแสรับเงินรางวัลนำจับ 100,000 บาท โดยแจ้งเบาะแสการเผาอ้อยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 62-31 มีนาคม 63 ที่สำคัญ ได้คุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม ดิน น้ำ อากาศที่ดีขึ้น ตัดอ้อยสดลดมลพิษเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
กลุ่มน้ำตาลมิตรผล มี คุณอิสระ ว่องกุศลกิจ เป็นประธานกรรมการ ผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านคงรู้จัก คุณอิสระ เป็นอย่างดี เคยเป็น ประธานสภาหอการค้าไทยถึง 2 สมัย เป็นผู้สานต่อ การต่อต้านคอร์รัปชันในประเทศไทย อย่างเข้มแข็ง จนกลายเป็น องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ในปัจจุบัน ถ้าเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ในไทยทุกคนทำธุรกิจอย่างมีคุณธรรม จริยธรรม คำนึงถึงประโยชน์ประชาชนส่วนใหญ่และสภาพแวดล้อมของสังคมส่วนรวม ผมเชื่อว่าประเทศไทยจะน่าอยู่ขึ้นกว่าปัจจุบัน
อีกหลายพันเท่าตัว
การเผาใบอ้อย ของ ชาวไร่อ้อยทั่วประเทศ เพื่อให้ตัดอ้อยได้เร็วขึ้น ได้ปริมาณมากขึ้นในช่วงฤดูตัดอ้อยส่งโรงงาน ได้สร้างหมอกควันและฝุ่นพิษกระจายไปค่อนประเทศ เพราะ มีการปลูกอ้อยถึง 47 จังหวัด มีพื้นที่ปลูกอ้อยรวมกันกว่า 12.23 ล้านไร่ เฉพาะพื้นที่ปลูกอ้อยเพื่อส่งโรงงานน้ำตาลมีถึง 11.95 ล้านไร่ เมื่อชาวไร่อ้อยเผาใบอ้อยพร้อมกันทั่วประเทศ 47 จังหวัดกว่า 11 ล้านไร่ ควันพิษและฝุ่นพิษจะมากมายมหาศาลขนาดไหน
การที่ผมแสดงความชื่นชม กลุ่มน้ำตาลมิตรผล ของ คุณอิสระ ว่องกุศลกิจ ที่ลุกขึ้นมาประกาศรับซื้อใบอ้อยสดตันละ 1,000 บาท และหักอ้อยไฟไหม้ตันละ 30 บาท ไปเพิ่มให้กับผู้ตัดอ้อยสด ก็เพราะ โรงงานน้ำตาลในฤดูกาลผลิตปี 2561/2562 ทั่วประเทศ มี 57 โรงงาน มีอ้อยได้รับการจัดสรรป้อนโรงงาน 126.36 ล้านตัน แบ่งเป็น ภาคอีสาน 22 โรงงาน ได้รับจัดสรร 56.25 ล้านตัน ภาคเหนือ 10 โรงงาน ได้รับจัดสรร 31.97 ล้านตัน ภาคกลาง 20 โรงงาน ได้รับจัดสรร 31.63 ล้านตัน ภาคตะวันออก 5 โรงงาน ได้รับจัดสรร 6.51 ล้านตัน แต่มี กลุ่มมิตรผล เพียงกลุ่มเดียวที่ออกมา ประกาศให้ชาวไร่อ้อยหยุดเผาอ้อยและตัดอ้อยสด โดยบริษัทจ่ายค่าใบอ้อยให้ตันละ 1,000 บาท
ในหนังสือ “ฟ้าลิขิตคมคิดอิสระ” ของ คุณอิสระ ว่องกุศลกิจ ก็ได้เขียนถึงแนวคิดการทำธุรกิจของ คุณอิสระ และ กลุ่มมิตรผล ว่า
“การทำธุรกิจไม่ใช่คิดถึงแต่ “กำไร” ต้องคิดถึง “สังคม” ด้วย เกษตรกรไทยต้องมีกำไร อยู่ดี กินดี คำนวณให้เขาเห็นเป็น “ตัวเลข” ชัดๆลงทุนเท่านี้ ได้ผลผลิตต่อไร่ขั้นต่ำเท่านี้ ใช้เวลากี่ปีคืนทุน เมื่อชาวไร่มองเห็นรายได้เท่ากับมองเห็น “อนาคต” เอาเทคโนโลยีและองค์ความรู้ใหม่ๆไปให้ใช้ แนะนำพันธุ์อ้อยที่แข็งแรง มีความหวาน ตัดแล้วมีหน่อขึ้นมาใหม่ หาแหล่งน้ำเสริม ทั้งขุดสระน้ำใต้ดิน ระบบน้ำหยด ไม่ปล่อยให้เกษตรกรทำไร่ไปตามมีตามเกิด พึ่งฟ้ารอฝนสถานเดียว ทั้งยังสอนให้รู้จัก “ทำมาหาเก็บ” ไม่ใช่แค่ “ทำมาหากิน” ถ้าดูแลกันอย่างนี้ และอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน สังคมรอบตัวเราจะกลายเป็น “พวกเรา” เมื่อชาวไร่ไม่ทอดทิ้ง มิตรผลก็จะ “อยู่รอด””
คุณอิสระ ย้ำในหนังสือว่า “จริยธรรม” สำคัญที่สุด อย่างน้อยขอให้ “คิดดี” เมื่อคิดดีก็จะ “หวังดี” กับทุกคน ไม่ได้คิดเพื่อประโยชน์ของตนเป็นหลัก
ถ้า นักธุรกิจ นักการเมือง คณะรัฐมนตรี คิดดีหวังดีกันอย่างนี้ทุกคน ประเทศไทยจะรุ่งโรจน์โชติช่วงชัชวาลแน่นอน สารพัดปัญหาในเวลานี้จะหายวับไปทันที.
ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/local/1759920