ที่มา: https://kasetmodern.wordpress.com/2014/10/08/sugar/
นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือเอ็กซิมแบงก์ (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ปัจจุบันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังแพร่ระบาดทั่วโลก แต่หลายประเทศเริ่มปรับตัวและรับมือเพื่อให้ภาคธุรกิจดำเนินต่อไปได้ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกในปีนี้จะขยายตัวได้สูงถึง 6% โดยได้อานิสงส์จากประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ อาทิ สหรัฐฯ จีน และบางประเทศในยุโรป โตมากกว่า 6% ซึ่งประเทศเหล่านี้มีสัดส่วนเกินกว่า 50% ของ GDP โลก เป็นผลจากความพร้อมในการผลิตวัคซีนเองและฉีดให้แก่ประชาชนของตนเองได้อย่างรวดเร็ว
ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้น เป็นผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องประกาศมาตรการล็อกดาวน์ โรงงานในบางพื้นที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากจนต้องหยุดการผลิต ท่ามกลางอุปสงค์ในประเทศที่ยังมีความเปราะบาง จนหน่วยงานเศรษฐกิจสำคัญหลายแห่งคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวเพียงราว 1% ขณะที่การท่องเที่ยวยังรอวันฟื้น “การส่งออก” จะกลายเป็นพระเอกประคับประคองและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังปี 2564 ต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกที่ขยายตัวถึง 15.5% โดยได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว สินค้าโภคภัณฑ์มีราคาดี สินค้าไทยบางส่วนตอบรับกระแส New Normal ได้ดี และเงินบาทอ่อนค่า โดยคาดว่าในปี 2564 ภาคส่งออกจะขยายตัวได้ไม่น้อยกว่า 10%
ขณะที่ปัจจัยลบที่ยังต้องจับตามองได้แก่ การแพร่ระบาดของโควิด-19 และการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทย การขาดแคลนวัตถุดิบและตู้คอนเทนเนอร์สำหรับธุรกิจส่งออก เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดความชะงักงันของกิจการ Logistics ที่มีผู้ติดเชื้อและการตรวจสอบที่เข้มงวด จนทำให้จำนวนตู้คอนเทนเนอร์กลับเข้าสู่ภาวะไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน
ในส่วนของธนาคาร ยังคงมุ่งสนับสนุนภาคธุรกิจเอสเอ็มอีให้เข้ามามีบทบาทต่อภาคการส่งออกมากขึ้น โดยในปัจจุบันเอสเอ็มอี มีอยู่จำนวนกว่า 3.1 ล้านราย แต่ในจำนวนนี้เป็นผู้ส่งออกเพียง 2.2 ล้านราย หรือไม่ถึง 1% ทั้งนี้สมควรอย่างยิ่งที่ต้องสร้างธุรกิจเอสเอ็มอีให้เป็นผู้ส่งออกใหม่ รวมถึงสนับสนุนเอสเอ็มอีที่มีอยู่ในซัพพลายเชนของผู้ออกส่งอยู่แล้วให้เดินหน้าต่อ โดยในปัจจุบันธนาคารกำลังสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ นำสินค้าไทยออกสู่ตลาดโลก
นอกจากนี้ยังช่วยเหลือผู้ประกอบการในภาวะวิกฤติ คือ 1.มาตรการพักหนี้ 2.มาตรการเติมทุน โดยที่ผ่านมา ธนาคารได้มีการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้วจำนวนรวมกว่า 9,400 ราย โดยให้คำปรึกษาและบริการทางการเงินคิดเป็นจำนวนเงินกว่า 67,000 ล้านบาท
ที่มา: http://www.ocsb.go.th/th/cms/detail.php?ID=12995&SystemModuleKey=economic