
โลหะหนัก (Heavy Metals)
โลหะหนัก หมายถึง โลหะที่มีความถ่วงจําเพาะมากกว่าน้ํา 5 เท่าขึ้นไป ได้แก่ ดีบุก สังกะสี ทองแดง ตะกั่ว
สารหนู ปรอท เป็นสารที่มีอัตราการสลายตัวค่อนข้างช้า ทําให้สะสมอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานเป็นมลพิษทางน้ํา
มนุษย-จะรับโลหะหนักเข้าสู่ร่างกายโดยการบริโภค น้ํา พืชน้ํา สัตว-น้ํา เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา สาหร่าย เป็นต้น จาก
การกินตามห่วงโซ่อาหาร โลหะหนักเป็นอันตรายในอาหาร (food hazard) ประเภทอันตรายทางเคมี
(chemical hazard) จึงเกิดการสะสมโลหะหนักในเนื้อเยื่อสัตว- และเนื้อเยื่อพืช โดยสะสมสารมลพิษเพิ่มขึ้น
ตามลําดับขั้นการบริโภค
ความเป็นพิษและผลของความเป็นพิษของโลหะหนักในสิ่งมีชีวิต
โลหะหนักมีหลายชนิดแต่ชนิดที่ถูกกําหนดไว้ในมาตรฐานอาหารส่วนใหญ่จะมี 3 ชนิด ได้แก่ ปรอท
แคดเมียม และตะกั่ว
ปรอท (Hg)
เป็นโลหะหนักที่ของเหลวระเหยเป็นไอได้ง่ายในภาวะปกติ ลักษณะภายนอกมีสีเงินสามารถไหลได้
ปรอทพบมากในแหล่งที่มีการเผาไหม้น้ํามันเชื้อเพลิง โลหะ โรงงานผลิตปูนซีเมนต- ในอุตสาหกรรมที่มีการใช้
สารประกอบของปรอท นอกจากนี้ยังใช้ในวงการแพทย์- เช่น เป็นสารอุดฟัน ไอปรอทที่เข้าสู่ร่างกาย จะถูกดูดซึม
เข้าสู่ระบบหมุนเวียนโลหิตทันที และกระจายไปยังสมองและส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้รวดเร็ว การได้รับสาร
ปรอทสะสมเป็นเวลานานจะทําให้มีอาการมือ และใบหน้าเกิดอาการบวมและเจ็บ บางคนอาจเกิดอาการเหน็บชา
บางส่วนจนเป็นอัมพาต โรคที่เกิดจากปรอท เรียกว่า “โรคมินามาตะ”
ตะกั่ว (Pb)
เป็นโลหะหนักมีสีเทาเงินหรือแกมน้ําเงิน ตะกั่วถูกใช้ในการทําอุปกรณ-อิเล็คโทรนิคและคอมพิวเตอร- ซึ่ง
ทําให้เกิดการปลดปล่อยตะกั่วและสารประกอบของตะกั่วในรูปของสารมลพิษออกสู่สภาวะแวดล้อม ทําให้มีการ
ปนเปื้อนของตะกั่วทั้งในดิน น้ํา และอากาศ ตะกั่วสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทาง คือ ทางอาหาร ทางการหายใจ
และทางผิวหนัง เมื่อสารตะกั่วเข้าสู่ร่างกาย ส่วนใหญ่จะจับยึดอยู่กับเม็ดเลือดแดงจะไปลดการสร้าง heme ซึ่ง
เป็นองค์-ประกอบที่สําคัญของเม็ดเลือดแดงโดยไปยับยั้งเอ็นไซม์-ที่เกี่ยวกับการสร้าง heme นอกจากนี้ ตะกั่วยังมี
ผลต่อตับ หัวใจและเส้นเลือด ภาวะเจริญพันธุ- โครโมโซม และก่อให้เกิดโรคมะเร็ง และความพิการแต่กําเนิดอีก
ด้วย
แคดเมียม (Cd)
เป็นโลหะมีสีเงิน มีอยู่น้อยตามธรรมชาติ โดยทั่วไปแคดเมียมที่ปนเปื้อนอยู่ในสิ่งแวดล้อมจะพบในแหล่ง
ทําเหมืองสังกะสี และตะกั่ว ในอุตสาหกรรม ยาสูบและบุหรี่ พลาสติกและยาง นอกจากนี้ยังนิยมใช้เป็นวัตถุดิบ
ในอุตสาหกรรมผลิตแบตเตอรี่ อุปกรณ-ไฟฟ้า โลหะผสม อะไหล่รถยนต- แคดเมียมที่ปนเปื้อนในน้ํา อาหาร เมื่อ
เข้าสู่ร่างกายจะถูกดูดซึมในกระเพาะอาหาร แล้วแพร่กระจายไปที่ตับ ม้ามและลําไส้ และสะสมเพิ่มขึ้นใน
ปริมาณสูงจะทําให้เกิดมะเร็ง ไตทํางานผิดปกติ นอกจากนี้ยังทําให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง ปวดกระดูกสันหลัง
แขนขา ซึ่งจะทําให้ไตพิการได้ โรคที่เกิดจากพิษของแคดเมียมเรียกว่า “โรคอิไต-อิไต”
การได้รับแคดเมียมจํานวนมากอาจทําให้เกิดพิษฉับพลันได้ แต่ส่วนใหญ่โรค
ที่เกิดจากแคดเมียมมักเป็นชนิดเรื้อรัง โดยการได้รับแคดเมียมติดต่อกันเป็นเวลานาน โรคที่เกิดอาจแบ่งเป็น
กลุ่มได้ดังนี้
1. โรคปอดเรื้อรัง การได้รับแคดเมียมนานๆ และในปริมาณมากโดยเฉพาะจากการหายใจ จะทําให้เกิด
การอุดตันภายในปอด ซึ่งเป็นเพราะมีการอักเสบของหลอดลม มีพังผืดจับในทางเดินหายใจส่วนล่าง และมี
การทําลายของถุงลมซึ่งจะกลายเป็นโรคถุงลมโป่งพองในที่สุด ผู้ที่มีความเสี่ยงมากคือคนทํางานกับผงแคดเมียม
โดยตรง เช่น โรงงานแบตเตอรี่ขนาดเล็ก
2. โรคไตอักเสบ จะแสดงออกโดยมีการอักเสบของไต โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ท่อในไตซึ่งจะพบแคดเมียม
ในปัสสาวะสูง มีโปรตีน กลูโคสสูงในปัสสาวะ อาจเป็นไตวายได้ในที่สุด
การดูแลสุขภาพร่างกายในเชิงป้องกันไว้ดีกว่าแก้ (ไข) หากปล่อยเจ็บป่วยก่อนค่อยมารักษาแพทย์
ทางเลือกถือว่าช้าเกินไป เพราะกว่าที่ร่างกายจะเจ็บป่วยจนแสดงผลปรากฏชัดนั้นต้องสะสมความเจ็บไข้ไว้
เป็นแรมปี ดังนั้น หากเราสามารถป้องกันด้วยการดูแลรักษาสุขภาพ ทั้งอาหาร อากาศ อารมณ์ ออกกําลัง
กาย จะเป็นเรื่องที่ดีในระยะยาว และไม่ต้องเสียงบประมาณในการรักษาที่แพงๆ อีกด้วย เพราะการที่จะอยู่
อย่างไรให้ชีวิตยืนยาวและแข็งแรงนั้น หากเราดูแลดี ให้เวลาดี ใช้เวลาบ่มเพาะร่างกายเป็นอย่างดี ก็สามารถ
มีสุขภาพที่ดีได้ไม่ยากเกินไป
ที่มา: www4.fisheries.go.th